ห่วงภาวะโศกเศร้ารุนแรงช่วงพระราชพิธี กรมสุขภาพจิตจัดทีมรับมือ

by ThaiQuote, 3 ตุลาคม 2560

“กรมสุขภาพจิตได้เตรียมความพร้อมในการดูแลสุขภาพจิตประชาชนไว้แล้ว โดยกลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ป่วยเรื้อรัง ผู้ที่มีความผูกพันสูง กลุ่มที่มีความเครียดจากปัญหาต่างๆ เช่น ปัญหาครอบครัว ปัญหาเศรษฐกิจ และในกลุ่มผู้ป่วยจิตเวชและผู้ที่มีประวัติซึมเศร้าและพยายามฆ่าตัวตาย อาจมีอาการกำเริบได้จากความรู้สึกสูญเสีย” อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวและว่ากลุ่มที่มีภาวะเครียดง่ายหรือมีภาวะซึมเศร้า หรือมีประวัติทำร้ายตนเอง ญาติและผู้ใกล้ชิดควรให้การดูแล หากพบมีลักษณะท่าทางที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมสามารถขอรับบริการปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือพาไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน ส่วนกลุ่มผู้ป่วยจิตเวช หากมาร่วมพระราชพิธีไม่ควรหยุดรับประทานยาและควรมีญาติมาด้วย เพื่อช่วยดูแลผู้ป่วย แต่หากพบไม่สามารถควบคุมตนเองได้ เอะอะ โวยวาย หรือเป็นอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น ได้เตรียมหน่วยงานสังกัดกรมสุขภาพจิตในการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนไว้แล้ว อย่างไรก็ตามสำหรับการดูแลจิตใจประชาชนช่วงตุลาคมนี้ ได้จัดทีม MCATT ดูแลจิตใจประชาชนไว้ ดังนี้ วันที่ 1-7 ต.ค.ปฏิบัติงานเวลา 09.00-17.00 น. โดยจัดทีม MCATT 1 ทีม ให้บริการดูแลประชาชน ณ บริเวณข้างศาลหลักเมืองด้านทิศใต้ วันที่ 18-22 ต.ค. ปฏิบัติงานเวลา 09.00-17.00 น. วันที่ 23-29 ต.ค. ปฏิบัติงานเวลา 08.00-20.00 น. โดยจัดทีม MCATT จำนวน 2 ผลัด เวลา 08.00-14.00 น. และ 14.00 -20.00 น. สำหรับในวันที่26 ต.ค.2560 ปฏิบัติงานเวลา 08.00-24.00 น. โดยจัดทีม MCATT จำนวน 3 ผลัด เวลา 08.00-12.00 น.และ12.00-18.00 น. และ18.00-24.00 น. สำหรับแนวทางการดูแลจิตใจช่วยเหลือกันและกัน แนะให้ยึดหลักปฐมทางใจ 3 ส.ได้แก่ 1.สอดส่องมองหา (Look) โดยค้นหาผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน เช่น ผู้ที่แสดงอาการเศร้าโศกเสียใจรุนแรง กินไม่ได้นอนไม่หลับ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ กลุ่มเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้เจ็บป่วยเรื้อรัง 2.ใส่ใจรับฟัง (Listen) อย่างตั้งใจ รวมทั้งใช้ภาษากาย เช่น จับมือโอบกอด เพื่อช่วยให้ผู้สูญเสียบอกเล่าอารมณ์ความรู้สึก คลายความทุกข์ในใจ และ 3.ส่งต่อเชื่อมโยง (Link) โดยให้ความช่วยเหลือตามความจำเป็นพื้นฐาน เช่น น้ำ อาหาร และยา หากไม่ดีขึ้น เช่น ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ โศกเศร้ารุนแรง มีความคิดฆ่าตัวตาย ให้พยายามติดต่อครอบครัวหรือชุมชนให้ช่วยป้องกันการเกิดปัญหาสุขภาพจิตในอนาคตก่อนที่จะส่งต่อเข้าสู่กระบวนการรักษาที่เหมาะสมต่อไป “การแปลงความโศกเศร้าเป็นพลังทำความดีเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับประชาชนและประเทศชาติ ก้าวเดินตามรอยพระยุคลบาทให้สมดังพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เป็นการช่วยสร้างขวัญและกำลังใจ ความหวังและความเข้มแข็งทางใจให้เกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งเราทุกคนสามารถทำได้โดยนำพระบรมราโชวาท พระราชดำรัสหรือบทเพลงพระราชนิพนธ์มาเป็นหลักธรรมในการดำเนินชีวิตได้ เช่น บทเพลงใกล้รุ่งที่แฝงความหมายการรอคอย ความหวัง ความสำเร็จที่ดีกำลังจะบังเกิดขึ้นในชีวิตของคน เปรียบดังความดีงามของยามรุ่งอรุณที่มาให้แสงสว่างและความอบอุ่นกับชีวิตมนุษย์ทุกคน ทั้งยังสามารถสื่อไปถึงความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติตามพระประสงค์ของพระองค์ท่านที่ตั้งพระทัยทำงาน เพื่อพสกนิกรของท่านมาโดยตลอด หรือบทเพลง ชะตาชีวิต พรรณนาความทุกข์ของคน ไร้ซึ่งทุกสิ่ง โดยหวังว่า “สักวันบุญมาชะตาคงดี” ซึ่งพระองค์ทรงเป็นความหวังให้ประชาชนทุกคนได้พบชะตาชีวิตที่ดีขึ้นในทั่วทุกสารทิศ เป็นต้น” อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าว

Tag :