1.การคิดบวกไม่ใช่การมองแบบ “คนโลกสวย” แต่เป็นการคิดและมองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นจริง แต่มีความหวัง และใช้ปัญญาในการแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์ 2.เราจะมองปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเป็นจริง แสวงหาสัจจะ เหตุผล สาเหตุของปัญหา มองปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นกลาง ไม่เบี่ยงเบนไปข้างใดข้างหนึ่ง 3.มีความร่าเริงหรืออารมณ์ดี การฝึกให้เป็นอัธยาศัยที่มีติดประจำตัวจะเป็นเกราะสำคัญในการป้องกันปัญหาที่ถาโถมเข้ามาได้อย่างมีสติ

4. นั่งสมาธิ มีผลการวิจัยออกมาว่าการนั่งสมาธิเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้จิตอยู่กับปัจจุบันไม่หมกมุ่นอยู่กับปัญหา และเรื่องราวที่ผ่านมา จิตไม่ฟุ่งซ่าน

5.ปรับอุปนิสัยให้เป็นคนยืดหยุ่น รอมชอม การมีอุปนิสัยแบบนี้จะทำให้เราไม่รู้สึกเครียดในสถานการณ์ที่ตึงเครียด 6.ไม่กังวลกับสถานการณ์ที่ยังไม่เกิด ไม่ควรมองโลกในแง่ร้ายกับสถานการณ์ที่ยังไม่เกิด หัดที่จะอยู่กับปัจจุบัน และตั้งสติกับสถานการณ์ของอนาคตจะดีกว่า 7.รู้จักการให้อภัยตัวเองและผู้อื่น ข้อนี้สำคัญมากเพราะชีวิตที่ดำเนินอยู่ย่อมมีข้อผิดพลาดด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าคนรอบข้างเราและตัวเรา การให้อภัยทั้งผู้อื่นและตนเองจะทำให้จิตใจเราอ่อนโยน 8.ให้มองไปที่อนาคต หากปัญหาเกิดขึ้นในปัจจุบันแล้ว อย่าได้เสียใจหรือรู้สึกเครียดเป็นกังวล แต่จงมีหวังกับอนาคตและก้าวข้ามปัจจุบัน เพื่อเดินไปสู่อนาคตที่ดีกว่า 9.เก็บประสบการณ์ที่ดีมาเป็นต้นทุนชีวิต เป็นความทรงจำในการหล่อเลี้ยงจิตใจให้ชุ่มชื่นและให้กำลังใจเมื่อยามสิ้นหวัง 10.รักตัวเอง ความรักตัวเองไม่ได้หมายความว่าเราต้องเอาเปรียบคนอื่นหรือไม่รักคนอื่น แต่การรักตัวเองหมายถึงการเคารพตัวเอง ให้คุณค่าที่ดี ๆ แก่ตัวเอง บางครั้งการให้รางวัลแก่ตัวเองบ้างก็เป็นสิ่งที่ดีทีเดียว