กรมชลฯ เผย โนอึล ทำน้ำล้นตลิ่งหลายพื้นที่ น้ำในเขื่อน-แม่น้ำสายหลักยังปกติ

by ThaiQuote, 20 กันยายน 2563

กรมชลประทาน ติดตามผลกระทบพายุโนอึล เช็คพื้นที่ประสบภัย พบน้ำล้นตลิ่งหลายพื้นที่ ด้านสถานการณ์น้ำในเขื่อน แม่น้ำสายหลักยังปกติ

นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำในเขตพื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากพายุ “โนอึล” ว่า จากการที่ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากพายุ โนอึล ส่งผลให้ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา มีฝนตกหนักถึงหนักมากต่อเนื่องหลายพื้นที่ โดยกรมชลประทานเฝ้าติดตามสถานการณ์พายุในพื้นที่เสี่ยงอย่างใกล้ชิด พบว่า มีน้ำล้นตลิ่งบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำริมน้ำ ซึ่งระดับน้ำมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นบริเวณแม่น้ำป่าสัก อ.วิเชียรบุรี อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ , อ.ลำสนธิ อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี และลำน้ำยัง อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด

ขณะที่สถานการณ์น้ำปัจจุบัน (20 กันยายน 2563) ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและขนาดใหญ่ทั่วประเทศมีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 37,208 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) หรือคิดเป็นร้อยละ 49 ของความจุอ่างรวมกัน เป็นปริมาณน้ำใช้การได้รวมกัน13,383 ล้าน ลบ.ม. มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่จำนวน 35 แห่ง (1 พฤษภาคม 2563-ปัจจุบัน) มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างประมาณ 11,575 ล้าน ลบ.ม.

โดยเฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (ภูมิพล สิริกิติ์ แควน้อยฯ ป่าสักฯ) มีปริมาณน้ำรวมกัน 10,300 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 41 ของความจุอ่างรวมกัน เป็นน้ำใช้การได้รวมกัน 3,614 ล้าน ลบ.ม. มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำประมาณ 44.56 ล้าน ลบ.ม. แนวโน้มสถานการณ์น้ำท่าในแม่น้ำสายหลัก 9 แห่ง (แม่น้ำชีมูล โขง น่าน ยม วัง ปิง เจ้าพระยา ป่าสัก) มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ

ส่วนสถานการณ์อุทกภัย มีพื้นที่ประสบอุทกภัย 1 จังหวัด คือ จ.อุบลราชธานี ตั้งแต่คืนวันที่ 17-18 กันยายน 2563 วัดปริมาณน้ำฝนได้ 58.4 มม. ส่งผลให้มีน้ำท่วมขังหลายจุดในเขตเทศบาล อ.เดชอุดม และ อ.วารินชำราบ โครงการชลประทานอุบลราชธานีได้สนับสนุนเครื่องจักร เครื่องมือ พร้อมเดินเครื่องสูบระบายน้ำออกจากพื้นที่แล้ว และหากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มสถานการณ์จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติในเร็ววัน

ทั้งนี้ ได้สั่งการให้โครงการชลประทานทุกแห่ง เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่อาจมีผลกระทบต่อพื้นที่ทั้งในเขตชลประทานและนอกเขตชลประทาน พร้อมปฏิบัติตามแนวทางการบริหารจัดการน้ำหลาก ด้วยการกำหนดพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย กำหนดคนผู้รับผิดชอบในพื้นที่ต่างๆ วิเคราะห์ ติดตาม สถานการณ์น้ำ รวมทั้งประสานงานกับหน่วยงานระดับท้องถิ่น เพื่อให้สามารถเข้าช่วยเหลือพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที รวมทั้งกำชับให้ติดตาม ตรวจสอบสภาพความปลอดภัยเขื่อน อ่างเก็บน้ำ ประตูระบายน้ำ อาคารชลประทาน ให้มีสภาพพร้อมใช้งาน ตลอดจนกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ และบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุม ควบคู่ไปกับการเก็บกักน้ำให้ได้มากที่สุด โดยไม่ให้กระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายอ่างฯ

นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำให้โครงการชลประทานทุกพื้นที่ ดำเนินการตามแนวทางการบริหารจัดการน้ำปี 2563/64 ในการสรรน้ำให้เป็นระบบ เพื่อลดการสูญเสียน้ำให้น้อยที่สุด พร้อมทั้งเดินหน้าพัฒนาแหล่งน้ำเดิมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำอย่างสูงสุด รวมถึงสร้างความเข้าใจกับเกษตรกรในพื้นที่ เพื่อลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

 

ข่าวที่น่าสนใจ

เผยภาพพื้นที่น้ำท่วม 2.45 แสนไร่ หลัง “โนอึล” ถล่ม