‘ซันโทรรี่’ส่งองค์ความรู้วิถีแห่งสายน้ำ ถึงคนรุ่นใหม่ สร้างโลกอนาคต

by ESGuniverse, 22 มีนาคม 2567

ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด ประเทศไทย จับมือ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ยกระดับการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ เดินหน้าสานต่อโครงการ “มิซุอิกุ: สอนน้องรักษ์น้ำ” สู่ปีที่ 6 บ่มเพาะความรู้ด้านจัดการน้ำทั้งระบบ เฟ้นหาโรงเรียนต้นแบบรักษ์น้ำ จุดประกายเยาวชนรุ่นต่อไปให้รู้คุณค่า และอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ มุ่งสร้างสังคมที่ยั่งยืน

ต้นเหตุของปัญหาเกี่ยวกับทรัพยากรน้ำของไทย เกิดจากการบริหารจัดการอย่างไม่เป็นระบบ ขาดความรับผิดชอบในการจัดการบำบัด รวมไปถึงการขาดการกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง ปัจจุบันเกิดขึ้นในระดับวิกฤตในหลายพื้นที่และทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น

จำเป็นต้องเร่งการสร้างความตระหนักรู้และปลูกฝังแนวคิดให้เห็นความสำคัญในการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน หลายหน่วยงานจึงผลักดันให้มีกิจกรรมมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของเยาวชนคนรุ่นใหม่ ตลอดจนชุมชนโดยรอบ และนำมาปฏิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรม

 

 

วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ:เรารักษ์น้ำ

ปีนี้เป็นครั้งแรกที่ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ได้บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จํากัด มาร่วมสานต่อโครงการภายใต้ชื่อใหม่ “วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ:เรารักษ์น้ำ” ประจำปี 2567 ขยายผลโครงการส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำของทั้งสอง บริษัทฯ

โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการสร้างความรู้ความเข้าใจถึงความสำคัญของทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อม ปลูกฝังเยาวชน เรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ผ่านการจัดกิจกรรมแบบบูรณาการที่ มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของนักเรียน บุคลากรในโรงเรียน ตลอดจนครอบครัวและชุมชนโดยรอบ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของทรัพยากรน้ำและส่งเสริมการอนุรักษ์น้ำในชีวิตประจำวัน

 

 

ต้นกำเนิด ‘มิซุอิกุ’


นางสาวณัฏฐณิชา วรวรรณเศรษฐ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายสนับสนุนการบริหารงานในองค์กร บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด ประเทศไทย และอินโดไชน่า กล่าวว่า “โครงการ ‘มิซุอิกุ’ เริ่มต้นในประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 2547 ก่อนจะขยายไป 8 ประเทศทั่วโลก รวมไทย มุ่งส่งเสริมให้คนในประเทศนั้น ๆ ตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรน้ำและเห็นคุณค่าของสิ่งแวดล้อม เข้าใจบทบาทของตนเองในการร่วมอนุรักษ์น้ำได้ง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน เพื่อให้มีน้ำใช้อย่างเพียงพอและส่งต่อให้คนรุ่นหลังต่อไป

“ ปีนี้ครบรอบ 20 ปี ตั้งแต่เริ่มดำเนินโครงการ ‘มิซุอุกิ’ ในประเทศญี่ปุ่น และเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญในชื่อโครงการ ‘วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ’ ประจำปี 2567 เพื่อร่วมกันเสริมสร้างองค์ความรู้และสานต่อกิจกรรมการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ ซึ่งจะช่วยให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งในมิติสิ่งแวดล้อมและมิติทางสังคม ให้กับเยาวชน

ผ่านการจัดกิจกรรม “ค่าย มิซุอิกุ ผู้พิทักษ์รักษ์น้ำ” และ การประกวด “โรงเรียนต้นแบบรักษ์น้ำ มิซุอิกุ” ประจำปี 2567 ตลอดจนกิจกรรมอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ เพื่อปลูกฝังและส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมให้แก่คนในพื้นที่ และเปิดโอกาสให้พนักงานของบริษัทฯ ได้มีส่วนร่วม”

 

 

หลากกูรูน้ำ ร่วมส่งต่อความรู้


โครงการ “วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ” ประจำปี 2567 ได้ร่วมมือกับภาคีภาครัฐร่วมเป็นพันธมิตร ได้แก่ กรมทรัพยากรน้ำ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมมลพิษ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา ร่วมกันขับเคลื่อนพันธกิจในการจุดประกายให้เยาวชนไทยตระหนักถึงความสำคัญของการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า ผ่าน 2 กิจกรรมหลัก ได้แก่

ค่าย มิซุอิกุ ผู้พิทักษ์รักษ์น้ำ


1) กิจกรรม“ค่าย มิซุอิกุ ผู้พิทักษ์รักษ์น้ำ” คัดเลือกโรงเรียนระดับประถมศึกษาในจังหวัดระยองและชลบุรี รวมทั้งสิ้น 30 โรงเรียน โดยมีแกนนำนักเรียน ตัวแทนคุณครู และพนักงานจิตอาสาจากทั้งสองบริษัทร่วมกิจกรรมเข้าร่วมค่าย 3 วัน 2 คืน มุ่งส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเรื่องทรัพยากรน้ำผ่านการเรียนรู้นอกห้องเรียน พร้อมพัฒนาศักยภาพของแกนนำนักเรียนที่เข้าร่วม เพื่อขยายผล “ค่ายเยาวชนรักษ์น้ำ” สู่โรงเรียน

 โรงเรียนต้นแบบรักษ์น้ำ มิซุอิกุ

2) การประกวดโรงเรียนต้นแบบรักษ์น้ำ “มิซุอิกุ” ตัวแทนคุณครูและแกนนำนักเรียนนำเงินสนับสนุนจากโครงการฯ ไปดำเนินโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมของโรงเรียนแบบบูรณาการทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ นโยบาย การมีส่วนร่วมของบุคลากร โครงสร้างพื้นฐาน และการขยายผลสู่ชุมชนโดยรอบ พร้อมทั้งจัดตั้ง “มิซุอิกุ คลับ” เพื่อขับเคลื่อนและขยายผลโครงการ

คัด 1 โรงเรียน 1 จังหวัด ดูงานที่ญี่ปุ่น


ไฮไลท์ของปีนี้คือ การต่อยอดกิจกรรมโรงเรียนต้นแบบรักษ์น้ำ มิซุอิกุ โดยหลังจากจบกิจกรรมค่ายฯ ทางโครงการฯ จะให้โรงเรียน เสนอแผนงานและแข่งขันดำเนินโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำในโรงเรียน ให้ครอบคลุม 4 ด้าน คือด้านนโยบาย ด้านบุคลากร ด้านโครงสร้างพื้นฐาน และด้านการขยายผลสู่ชุมชน และบริษัทจะมีการคัดเลือก 1 โรงเรียนต่อจังหวัดเป้าหมาย เป็น “โรงเรียนต้นแบบรักษ์น้ำ มิซุอิกุ” และได้เดินทางไปดูต้นกำเนิดโครงการ “มิซุอิกุ” ณ ประเทศญี่ปุ่น

 


เยาวชน ฟันเฟืองสำคัญ เรื่องอนุรักษ์น้ำ


นางสาววิภาวรรณ ทัศนปรีชาชัย ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายบรรษัทสัมพันธ์ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หัวใจสำคัญของโครงการนี้คือ เยาวชน ชุมชน และพนักงานในบริษัทของเรา เพราะเป็นฟันเฟืองสำคัญในการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับทั้งภาครัฐและภาคประชาสังคมหลายหน่วยงาน ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ในการส่งมอบองค์ความรู้เรื่องความสำคัญของทรัพยากรน้ำ โดยมีนักเรียนกว่า 20,250 คน จาก 345 โรงเรียน เข้าร่วมโครงการ ‘มิซุอิกุ’

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมอบเงินทุนให้แก่โรงเรียนเพื่อบูรณาการด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำในมิติต่าง ๆ ของโรงเรียน รวมถึงสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกด้านทรัพยากรน้ำ ผ่านกิจกรรม ‘อนุรักษ์ป่าต้นน้ำ’ อาทิ การสร้างฝาย ปลูกหญ้าแฝก และฟื้นฟูระบบนิเวศของป่า อีกทั้งเปิดโอกาสให้พนักงานได้เข้าร่วมกิจกรรมในทุก ๆ ปี เพื่อปลูกฝังความรู้สู่การลงมือปฏิบัติ

 

 

ด้าน นายธีระชุณ บุญสิทธิ์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า “ภารกิจของกรมทรัพยากรน้ำ คือการกำกับ ควบคุม อนุรักษ์ และพัฒนาทรัพยากรน้ำของประเทศ ทั้งนี้ การส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมให้ความรู้และกระตุ้นจิตสำนึกของเยาวชนในการอนุรักษ์น้ำ ถือเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของกรมฯ

“เยาวชนเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่จะต้องเร่งปลูกฝังและเสริมสร้างองค์ความรู้ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพราะเยาวชนเป็นอนาคตของชาติและจะมีบทบาทที่สำคัญยิ่งในการดูแลทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อม ปีนี้ เราจะยังคงให้ความร่วมมือเดินหน้าสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ ของโครงการฯ เพื่อร่วมปลูกจิตสำนึกที่ดีในหมู่เยาวชนให้ร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนต่อไป “

 


ส่วน นายวัฒน์ ทาบึงกาฬ เลขานุการกรม กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า กรมฯ มีบทบาทในการสร้างความรู้ ความเข้าใจและความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมให้กับเด็กและเยาวชน ด้านทรัพยากรน้ำ พร้อมขับเคลื่อนและส่งเสริมแนวทางการดูแลรักษาแม่น้ำคูคลอง ผ่านกระบวนการเรียนรู้ตามหลักสิ่งแวดล้อมศึกษาและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนสร้างเครือข่ายเยาวชนจิตอาสาด้านการดูแลอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำผ่านกิจกรรมมากมาย


“ เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ในการสนับสนุนโครงการนี้ พร้อมร่วมเติมเต็มข้อมูล องค์ความรู้ที่สำคัญและจำเป็นต่อการดำเนินกิจกรรม เพื่อร่วมสร้างพลเมืองสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ และสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้กับพื้นที่ของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

 

 

ปลูกฝังทัศนคติ องค์ความรู้ กู้ปัญหาน้ำในชุมชน


ดร.ชานัน ติรณะรัต ผู้อำนวยการกองจัดการคุณภาพน้ำ กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า กรมควบคุมมลพิษตระหนักดีว่าการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำแบบองค์รวมจะต้องดำเนินการตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ สิ่งแรกที่ควรเน้นย้ำและปลูกฝังคือทัศนคติและองค์ความรู้ของผู้คน โดยเฉพาะกับเยาวชน ผ่านการถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับความสำคัญของน้ำ การอนุรักษ์น้ำในชีวิตประจำวัน

“ โครงการ ‘วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ’ เป็นอีกหนึ่งโครงการที่จะช่วยสร้างความรู้ความเข้าใจและพัฒนาทักษะของเยาวชนในการแก้ปัญหา ที่เกี่ยวข้องกับน้ำในโรงเรียนและชุมชนของพวกเขา รวมถึงปลูกจิตสำนึกด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมของเยาวชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

  

ไม่มีน้ำ ไม่มีเรา ต้องเข้าใจจากการทำจริง


นายอเล็กซานเดอร์ ไซมอน เรนเดลล์ ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา (EEC) กล่าวว่า ศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษาให้ความสำคัญกับการทำงานในเรื่องสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติร่วมกับกลุ่มเยาวชนในพื้นที่ทั่วประเทศ เพราะพวกเขาคืออนาคตของชาติ ‘ค่าย มิซุอิกุ ผู้พิทักษ์รักษ์น้ำ’ จะช่วยให้เยาวชนในพื้นที่มีความเข้าใจว่าการดำรงชีวิตของตัวเอง สร้างผลกระทบอะไรให้กับต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ รวมทั้งเป็นการกระตุ้นการดูแลสิ่งแวดล้อมในสังคมของเยาวชน

“ กิจกรรมค่ายสิ่งแวดล้อมศึกษาเด็ก ๆ จะได้เรียนรู้ผ่านห้องเรียนธรรมชาติ ด้วยแนวคิดการเรียนรู้แบบการลงมือทําจริงที่สอดแทรกความสนุกสนาน โดยมีผมเป็นผู้นำกิจกรรม พร้อมด้วยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมอีกหลายท่าน ภายใต้คอนเซปต์ “ไม่มีน้ำ ไม่มีเรา” เพื่อให้เห็นถึงประโยชน์ของน้ำในทุกมิติ”