นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) กล่าวว่า ที่ประชุมครม. ได้มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างแล้ว ซึ่งต่อไปจะเข้าสู่ขั้นตอนการจัดทำกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหลักการกฎหมายฉบับดังกล่าวแบ่งการจัดเก็บออกเป็น 4 ประเภท ประกอบด้วย

         ประเภทแรก สำหรับผู้ที่มีที่อยู่อาศัยหลังเดียวราคาไม่เกิน 50 ล้านบาท จะได้รับการยกเว้นการจัดเก็บภาษี ขณะที่ราคาที่อยู่อาศัยตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป จะเสียภาษีโดยมีอัตราเพดานสูงสุดที่ 0.5% ด้านผู้ที่มีที่อยู่อาศัยหรือมีบ้านตั้งแต่ 2 หลังขึ้นไป จะเสียภาษีทันทีตั้งแต่บาทแรก โดยมีอัตราเพดานสูงสุดที่ 0.5%

          ส่วนประเภทที่ 2 คือ กลุ่มพื้นที่เกษตรกรรม มีอัตราเพดานสูงสุดที่ 0.2% กลุ่มที่ 3 สำหรับพาณิชย์อุตสาหกรรม เสียภาษีโดยมีอัตราเพดานสูงสุดที่ 2% และกลุ่มที่ 4 คือกลุ่มที่ดินรกร้าง ว่างเปล่าและไม่ใช้ประโยชน์ จะต้องเสียภาษีโดยมีอัตราเพดานสูงสุดที่ 5% สำหรับในปีที่ 1-3 หลังจากนั้นหากไม่ได้มีการทำประโยชน์ในปีที่ 4-6 จะเก็บเพิ่มอีกเท่าตัว

ขณะเดียวกันมีปฏิกิริยาจากนักวิชาการโดย นายสมประวิณ มันประเสริฐ รองคณบดี คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่าถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่รัฐบาลจะปฏิรูปภาษีทั้งระบบ เพราะที่ผ่านมาการถือครองที่ดินมีการกระจุกตัวเฉพาะผู้ที่มีฐานะร่ำรวย ดังนั้นการจัดเก็บภาษีที่ดินเป็นการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ โดยใช้หลักการให้คนที่มีทรัพย์สินมากต้องเสียภาษี เพื่อนำออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม 

เช่นเดียวกับ นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะให้เกิดการจัดสรรรายได้และเป็นการกระจายรายได้ของรัฐบาลสู่ท้องถิ่นมากขึ้น แต่จะต้องติดตามรายละเอียดการจัดเก็บภาษีนี้ต่อไป