ทายสิประเทศไหน? ชอบกินปลากระป๋องไทย

by ThaiQuote, 20 กรกฎาคม 2559

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองดูไบ รายงานว่าสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) มีความต้องการบริโภคอาหารทะเลในปริมาณสูงมาก โดยเฉพาะปลากระป๋องซึ่งมีอัตราการนำเข้าขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นในแต่ละปี  แหล่งซื้อสำคัญอยู่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อาทิไทย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย  โดยผลผลิตที่ไทยผลิตได้มีจำนวนมากเกือบครึ่งหนึ่งของปลาทูน่ากระป๋องทั้งหมดที่จำหน่ายทั่วโลก รัฐดูไบเป็นแหล่งที่ตั้งสำคัญของผู้นำเข้าปลากระป๋อง โดยมีปลาทูน่ากระป๋องเป็นสินค้ายอดนิยม รองลงมาคือปลาซาร์ดีนกระป๋อง แล้วส่งออกต่อ (รี-เอ็กซ์ปอร์ต) ไปยังประเทศอื่น ๆ เช่น โซมาเลีย ซีเรีย เอริเทรีย ลิเบีย โอมาน อัฟกานิสถาน ศรีลังกา และออสเตรเลีย

ไทยส่งออกปลากระป๋องไปยูเออีระหว่างปี 2555 2557 เฉลี่ยปีละราว 63 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 2.9 การบริโภคอาหารทะเลของยูเออีเฉลี่ยอยู่ที่ 24 กิโลกรัมต่อคนต่อปี จึงเป็นที่คาดการณ์ว่ายูเออีจะมีการบริโภคอาหารทะเลเพิ่มขึ้นเป็น 9 แสนตันภายในปี 2573  ขณะที่การทำประมงภายในยูเออีทำได้เพียง 7.5 หมื่นตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 19 ของการทำประมงในภูมิภาคนี้  ดังนั้นแนวโน้มตลาดจึงมีการเติบโตได้สูงมาก เนื่องจากอาหารกระป๋องเป็นที่ต้องการในการดำเนินชีวิตปัจจุบันที่มีความเร่งรีบ  และผู้บริโภคต้องการความสะดวกสบาย

นางมาลี  โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ผู้ประกอบการไทยควรศึกษาพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคในยูเออี และในกลุ่มประเทศคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (จีซีซี) เพื่อมองหาโอกาสในการส่งออก อาทิ แนวโน้มความต้องการปลาทูน่าในน้ำเกลือจะเพิ่มขึ้นมากกว่าในน้ำมัน  หรือกรณีใช้น้ำมันควรเป็นน้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน เนื่องจากผู้บริโภคหันมาใส่ใจในคุณประโยชน์และตระหนักถึงความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์อาหารมากขึ้น ฉลากบรรจุภัณฑ์ควรระบุข้อมูลโภชนาการ แหล่งผลิตรวมถึงคุณสมบัติเพิ่มเติมอื่นๆ ให้ชัดเจนเป็นภาษาอังกฤษและอารบิค เพื่อให้เป็นไปตามกฎระเบียบการนำเข้าและเพื่อส่งเสริมการตลาดด้วย

 ที่มา