“ที่สุดแห่งปี”ขุนพลศก.

by ThaiQuote, 29 ธันวาคม 2558

ทั้งนโยบายกระตุ้นการเติบโตของภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรมและนโยบายประชารัฐที่ลงถึงระดับฐานราก ทั้งหมดคือกุญแจในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนของประเทศ ภายใต้ยุทธศาสตร์ของ “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี”

ชื่อของ “ดร.สมคิด” โด่งดัง เป็นที่รู้จักในฐานะของ “แม่ทัพเศรษฐกิจ” มาหลายยุคหลายสมัย และเรื่องราวส่วนตัวของดร.มีหลากหลายที่มาตามแต่ใครจะสืบค้นประวัติ สำหรับในแบบฉบับ “THAIQUOTE”  ดร.สมคิดเกิดเมื่อ 15 กรกฏาคม 2496 ตรงกับปีมะเส็ง ซึ่งตามหลักโหราศาสตร์แล้วยกให้เป็น “มะเส็งธาตุไฟ” หรือ “งูไฟ”

 ชาติกำเนิดเกิดในครอบครัวจีนค้าขาย ที่อพยพมาจากอำเภอ “เฉิงไห่” หรือ “เท่งไฮ้” ในเมืองซัวเถา มลฑกลกวางตุ้ง ประเทศจีน ด้วยความที่ “เฉิงไห่” (สำเนียงแมนดาริน) หรือ “เท่งไฮ้” (สำเนียงหมินใต้)  เป็นเมืองปากแม่น้ำสองสายที่ไหลออกสู่ทะเล จึงมักจะต้องประสบกับภัยพิบัติสารพัด โดยเฉพาะกับลมพายุที่พัดจากมหาสมุทรแปซิฟิกที่เป็นสาเหตุของทั้งวาตภัยและอุทกภัย  คนในแถบอำเภอ  “เฉิงไห่” หรือ “เท่งไฮ้” จึงต้องเผชิญกับความทุกข์ยากลำบากมาโดยตลอด จากจุดดังกล่าวจึงกลายเป็นจุดเด่นแห่งสายเลือดที่มีความโดดเด่นเป็นพิเศษ ในด้านการค้า การพาณิชย์  

ดร.สมคิด เกิดในย่านเยาวราชแถบวัดสัมพันธ์วงศ์ บิดาคือ “คุณพ่อซ้ง” และ มารดา “คุณแม่เอ็ง” มีพี่น้อง 10 คน ชื่อเดิมของ “ดร.สมคิด” คือ “หั่งกวง แซ่จัง”  หรือ “จังหั่งกวง” ในสำเนียงจีน ตรงชาติกำเนิดของดร.สมคิด ที่หลาย ๆ สื่อเคยระบุไว้ว่าเป็นจีนเชื้อสายฮกเกี้ยนแต่เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่า เชื้อสายที่แท้จริงของดร.สมคิด ซึ่งมาจากอำเภอเฉิงไห่ หรือ เท่งไฮ้ ในซัวเถาน่าจะเป็นจีนเชื้อสายแต๊จิ๋วมากกว่า รวมถึงชื่อและสำเนียงที่ใช้เรียกคนในครอบครัว ดร.สมคิดเอง มีความเป็น “แต้จิ๋ว” มากกว่า “ฮกเกี้ยน”   ครอบครัวของดร.สมคิด ประกอบธุรกิจค้าขายมาแต่เดิม และนั่นคือเบ้าหลอมแรกของดร.สมคิด ที่ต้องทำงานอย่างหนักตั้งแต่เด็ก เนื่องจากสภาพครอบครัวเป็นเพียงพ่อค้า ซ้ำยังต้องเผชิญกับปัญหาทางด้านธุรกิจอย่างหนัก

 แม้จะถือกำเนิดจากย่านเยาวราช แต่ชีวิตวัยเยาว์ของดร.สมคิดใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในย่านสะพานเหลือง (หัวถนนบรรทัดทอง) ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งในย่านที่มีคนไทยเชื้อสายจีนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ที่นั่น เป็นจุดเริ่มต้นการศึกษาแห่งแรก ก่อนจะไปศึกษาต่อย่านวัดสัมพันธวงศ์บ้านเกิดในโรงเรียนเผยอิง โรงเรียนไม่กี่แห่งที่ยังเปิดสอน ภาษาจีนก่อนจะเลิกไปเพราะสถานการณ์ทางการเมือง จากโรงเรียนเผยอิง กลับไปศึกษาต่อ ณ สามย่าน สะพานเหลือง อีกครั้งที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และเข้าเรียนต่อที่คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จนจบการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์การคลัง และเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ  ก่อนจะไปศึกษาต่อปริญญาโท MBA สาขาบริหารการเงิน ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ จากนั้นบินข้ามน้ำข้ามทะเลไปสอบชิงทุนศึกษาต่อจนจบระดับปริญญาเอก สาขาบริหารธุรกิจ เน้นการจัดการด้านการตลาด ที่มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น ประเทศสหรัฐอเมริกา

ด้วยความอดทนและความเพียรประกอบกับพรสวรรค์ในด้านการค้าธุรกิจ ทำให้ดร.สมคิด ยืนบนเส้นทางการทำงานได้อย่างต่อเนื่องมาตลอด จากจุดเริ่มต้นทำงานในฐานะเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี,ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, กรรมการ การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย, กรรมการ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียมจำกัด(มหาชน),ที่ปรึกษา ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, กรรมการในอนุกรรมการพิจารณารับและเพิกถอนหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ฯลฯ

ขณะที่บนเส้นทางการเมือง ดร.สมคิดเข้าสู่เส้นทางดังกล่าวในปี 2544 ด้วยการสังกัดพรรคไทยรักไทย และก้าวขึ้นเป็น แม่ทัพเศรษฐกิจกับตำแหน่งรมว.คลัง และก้าวสู่ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีถึงสามครั้ง ในปี 2545 และ ปี 2547 และปี  2548 ก่อนจะพบกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในช่วงเวลาต่อมาดร.สมคิด ควบตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กระทั่งเกิดการรัฐประหารในปี 2549 แถมซ้ำร้ายคณะตุลาการรัฐธรรมนูญตัดสินให้ยุบพรรคไทยรักไทย ทำให้ชื่อของดร.สมคิดถูกตัดสิทธิ์ไปด้วย

ด้วยความสามารถอันโดดเด่น และในแต่ละช่วงเวลาของการรับตำแหน่งสำคัญ ๆ ที่ ดร.สมคิดปฏิบัติงานด้วยความอดทน และไม่เป็นไปตามกระแสการเมือง ในรัฐบาลต่อ ๆ มา ดร.สมคิด”  ยังได้รับความไว้วางใจให้รับตำแหน่งสำคัญๆ ในรัฐบาลต่อ ๆ มา และเข้าเล่นการเมืองเต็มตัวด้วยการเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง พรรครวมใจไทยชาติพัฒนาร่วมกับกลุ่มรวมใจไทยของนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ นายพิจิตต รัตตกุล และกลุ่มชาติพัฒนาของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ โดยดร.สมคิดรับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาพรรค

ก่อนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอีกครั้งในปี 2557  เมื่อดร.สมคิดได้เข้ารับหน้าที่ที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งนำโดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดูแลรับผิดชอบเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ จนกระทั่งในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2558 จึงได้รับแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ และกลายมาเป็นแม่ทัพคุมเศรษฐกิจ พร้อมๆ กับ นโยบายที่โดดเด่นเป็นรูปธรรม และกำลังจะประสบความสำเร็จผลิดอกออกผลในเร็ววันนี้

ที่มา : Thaiquote