นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า จากการที่ วธ. ได้ส่งเสริมให้คณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชนเดินทางไปปฏิบัติธรรมสักการะสังเวชนียสถาน 4 ตำบล พบว่าปัจจุบันการเดินทางของผู้แสวงบุญมีความสะดวกมากขึ้น ทั้งนี้วธ.ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยความสะดวกพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชน ผู้เดินทางไปประกอบศาสนกิจนมัสการสังเวชนียสถานในตำบลที่ประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนา ปรินิพพาน จำนวน 9 แห่ง ประกอบด้วย ประเทศเนปาล 1 แห่ง ได้แก่ วัดไทยลุมพินี ประเทศอินเดีย 8 แห่ง ได้แก่ 1.วัดไทยกุสินารา 3.วัดไทยพาราณสี 4.วัดไทยพุทธคยา 5.วัดไทยสารนาถ 6.วัดไทยเชตวันมหาวิหาร 7.วัดไทยนวราชรัตนาราม 8.วัดไทยนวมินทร์ธัมมิกราช  และ 9.วัดอโยธยารามราชธานี  โดยได้รับความร่วมมือจากกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ส่งคณะแพทย์มาดูแล และกระทรวงการต่างประเทศ (กต.)ได้ริเริ่มส่งเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกในเรื่องหนังสือเดินทางและวีซ่าด้วย ขณะเดียวกันข้อมูลจากพระธรรมทูตระบุว่า มีคนไทยเดินทางไปแสวงบุญปี 2558 ประมาณกว่า 70,000 คน ในปี 2559 เพิ่มเป็นกว่า 80,000 คน ซึ่งในภาพรวมถือได้ว่าคนไทยเดินทางไปแสวงบุญที่อินเดียมากเป็นอันดับที่ 4 รองลงมาจากไต้หวัน ศรีลังกา พม่า ดังนั้นต่อจากนี้แนวทางการดูแลผู้แสวงบุญชาวไทยในอนาคต ควรจะต้องมีการประสานความร่วมมือกับกระทรวงอื่น ๆที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เช่นกระทรวงคมนาคมเพื่อเพิ่มเที่ยวบินของสายการบินไทยให้บริการที่สนามบินพุทธคยาและพาราณสีในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว เนื่องจากมีผู้แสวงบุญคนไทยเดินทางมาตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา อาทิ วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชาและ เข้าพรรษา รวมไปถึงการชักชวนนักลงทุนเอกชนให้ศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนเรื่องที่พัก โรงแรมเพื่อรองรับผู้แสวงบุญที่ประเทศอินเดียต่อไป