ศูนย์ข่าวนครราชสีมา รายงานข่าวว่า เมื่อเวลา 19.00 น. ของวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนช้างป่าเขาใหญ่ ที่หลัก กม.ที่ 15-16 ถนนทางหลวงชนบท สายบ้านกุดคล้า-ผ่านศึก หมู่ 10 บ้านเหวปลากั้ง ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา โดยรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียน ฎภ 2945 กรุงเทพมหานคร วิ่งมาด้วยความเร็วสูงก่อนพุ่งชนช้างป่าอย่างจังจนช้างล้มทับรถ ทำให้ด้านหน้าและหลังคารถยุบเสียหายยับเยิน มีผู้เสียชีวิตติดอยู่ในรถ 1 ราย คือ นายนครินทร์ บุญชัย อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78 ต.ตลาดบางเขน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เป็นคนขับและมาคนเดียว

จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีช้างป่า 2 ตัวเดินอยู่บนถนนในช่วงบริเวณดังกล่าวห่างๆ ประมาณ 100 เมตร ตนจึงได้นำไฟฉายมาส่องเป็นการส่งสัญญาณให้รถที่ผ่านไปมาชะลอความเร็วและจอดเพื่อความปลอดภัย ทันใดนั้นได้มีรถที่นายนครินทร์ขับมาด้วยความเร็วสูงไม่ได้สนใจสัญญาณเตือนหรืออาจมองไม่เห็น วิ่งผ่านไปและพุ่งชนช้างเข้าอย่างจัง ตนและเพื่อนๆ จึงรีบเข้าไปช่วยเหลือ และแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ ส่วนช้างตัวที่ถูกชนไม่ทราบว่าหลบหนีไปในทิศทางใด เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างวิชชาปากช่องได้นำร่างผู้เสียชีวิตส่งพิสูจน์ที่โรงพยาบาลปากช่องนานา อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

วันนี้ (29 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าอุบัติเหตุรถยนต์ชนช้างป่าเขาใหญ่ ล่าสุด นายครรชิต ศรีนพวรรณ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเขตพื้นที่บ้านเหวปลากั้ง ห่างจากเขตอุทยานฯ เขาใหญ่ไปประมาณ 2 กิโลเมตร โดยพื้นที่ดังกล่าวมักมีช้างป่าจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ใช้เส้นทางประมาณ 4-6 ตัว แต่ไม่เคยข้ามถนนตรงจุดนี้ เนื่องจากจุดที่ช้างข้ามทางองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) มีการติดไฟส่องสว่างเอาไว้

สำหรับอาการของช้างป่าที่ถูกรถชนดังกล่าว จากการติดตามสังเกตอาการอยู่ห่างๆ ของทีมสัตวแพทย์ พบว่าช้างมีอาการบาดเจ็บที่บริเวณขาหน้าด้านขวาและบริเวณด้านหัว ซึ่งอาจกระแทกกับกระจกของรถทำให้มีเลือดไหลออกมา แต่เป็นแผลที่ไม่ลึก ทีมแพทย์ได้เฝ้าติดตามทั้งคืน และช่วงเวลาประมาณ 03.00 น. เริ่มขยับตัวและพยุงตัวขึ้นยืนได้แล้ว และเลือดหยุดไหล จากนั้นได้เดินเข้าป่าไป ตอนนี้ทีมสัตวแพทย์กำลังติดตามดูทุกระยะ เพราะโดยปกติหากช้างป่าประสบอุบัติเหตุลักษณะเช่นนี้มักจะเข็ดไม่เดินทางเส้นทางดังกล่าวจนกว่าเขาจะเกิดความมั่นใจ ฉะนั้นจึงต้องส่งทีมแพทย์เข้าไปสังเกตอาการในป่าต่อไปจนกว่าจะมั่นใจว่าช้างปลอดภัย

นายครรชิตกล่าวอีกว่า ในจุดเกิดเหตุดังกล่าวมีป้ายแจ้งเตือนให้ระวังช้างอย่างต่อเนื่อง และก่อนเกิดเหตุชาวบ้านพยายามส่องไฟเตือนคนใช้รถใช้ถนน มาถึงตอนนี้ต้องขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของผู้ขับขี่เองว่าจะต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น ขณะเดียวกันได้ประสานท้องถิ่นและทางหลวงชนบทให้ติดไฟส่องสว่างเพิ่มเติมในจุดดังกล่าว แต่หากจะติดไฟตลอดระยะทาง 16 กม. คงจะเป็นไปได้ยาก ช้างเองในจุดที่มีแสงส่องสว่างมักจะไม่ข้ามถนนเช่นกัน

ส่วนเรื่องคดีนั้นเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นในเขตอุทยานแห่งชาติ จึงไม่ได้มีความผิดตามกฎหมายอุทยานฯ แต่เป็นความผิดตามกฎหมายอื่น ซึ่งเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการต่อไป

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

สู้จนงาหัก! พบช้างป่าชนกัน อช.แก่งกระจาน