นักวิชาการส่องอนาคต ‘รัฐบาลใหม่’ มีแววกลับท้องถนน

by ThaiQuote, 6 มิถุนายน 2562

 โดย...วรกร เข็มทองวงศ์ 

 

ผู้คุยกับ 2 นักวิชาการรัฐศาสตร์ ดูอนาคตรัฐบาลใหม่ ‘อ.ยุทธพร’ วิเคราะห์อาจจะกลับสู่การเมืองท้องถนน ด้าน ‘อ.ปิยะภพ’ มองงูเห่าตัวแปรสำคัญ

ภาพรวมการเมืองในขณะนี้ เป็นที่ชัดเจนในขั้วอำนาจ ขั้วฝ่ายค้าน และพร้อมที่จะเปิดหน้าสู้กันบนเวทีสภาฯกันอย่างเต็มที่
แต่ในขณะเดียวกันนั้น ในสภาวะเสียงปริ่มน้ำและชุกชุมด้วย ‘งูเห่า’ แบบนี้ การเมืองไทยจะไปได้ไกลแค่ไหนกัน?

ยุทธพร อิสรชัย รองศาสตราจารย์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช มองภาพรวมการเมืองครั้งนี้ว่า ภาพรวมของกลุ่มพรรคร่วมรัฐบาลนั้นอย่างต่ำ 20 พรรคการเมือง เชื่อว่าจะมีการแบ่งกระทรวงออกมาหลักๆ 3 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ กระทรวงด้านความมั่นคง กระทรวงด้านเศรษฐกิจ และกระทรวงด้านสังคม

 

 

ทั้งนี้ หากดูตามเกนหลักของการจัดตั้งรัฐบาล กระทรวงด้านความมั่นคง ย่อมหนีไม่พ้นที่จะอยู่การดูแลและขับเคลื่อนของนายกรัฐมนตรี ในส่วนเรื่องเศรษฐกิจ ถือเป็นหัวใจหลักเช่นกัน ฉะนั้น นอกจากจะอยู่กับพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยก็มีอำนาจในการต่อรองที่ค่อนข้างสูง ก็มีความเป็นไปได้ที่จะกระจายกระทรวงเกี่ยวกับเศรษฐกิจให้ 2 พรรคนี้ หรืออาจจะมีการต่อรองขอกระทรวงกัน ซึ่งหากมองภาพรวมในกลไกการต่อรอง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับ กระทรวงคมนาคม น่าจะอยู่ในมือพรรคใดพรรคหนึ่ง ซึ่งทำให้เห็นว่าการเมืองรอบนี้ พรรคการเมืองขนาดกลางมีอำนาจชี้ขาดสูงมาก

ขณะที่พรรคเล็กต่างๆ ไม่ว่าจะพรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา และพรรคการเมืองขนาดเล็กต่างๆที่มาเข้าร่วมนั้น อ.ยุทธพร มองว่า น่าจะได้กระทรวงเกี่ยวกับด้านสังคมไป เช่น กระทรวงกีฬาและการท่องเที่ยว กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นต้น

ขณะที่เสถียรภาพของรัฐบาลใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ผู้เชี่ยวชาญด้านรัฐศาสตร์ท่านนี้ มองว่าเป็นเรื่องใหญ่มากทีเดียว เพราะการมีกลุ่มงูเห่า ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปมาตลอดเวลา ดังนั้นสภาวะแบบนี้ ในแง่เสถียรภาพของรัฐบาล ต้องเจอการกระทบอย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งต้องวางแนวทางการแก้ไขปัญหาให้ดี ไม่เช่นนั้น กิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ดี หรือการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีต่างๆ ก็จะเป็นปัญหาได้เหมือนกัน ซึ่งหากสิ่งต่างๆรวมกันรวมไปถึงเรื่องผลประโยชน์ต่างตอบแทน เกมส์การเมืองก็ดี อาจจะสามารถทำให้สถานการณ์กลับไปสู่การเมืองบนท้องถนนได้อีกครั้ง

ส่วนทีมฝ่ายค้าน ในสายตาอ.ยุทธพร มองแบบเป็นนักเตะ ดาวรุ่งแนวหน้าเชื่อได่ว่า จะมาจากพรรคอนาคตใหม่เป็นหลัก บวกกับเพื่อไทยบางส่วน ที่ผ่านมาของการเมืองไทยเราจะเห็นดาวสภาฯหน้าเดิมๆ แต่ครั้งนี้ เกิดดาวสภาฯรุ่นใหม่จำนวนมาก ตรงนี้ย่อมเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันในการตรวจสอบรัฐบาล

ขณะที่กองกลางของฝ่ายค้าน คงหนีไม่พ้นที่จะเป็นเหล่าผู้มากประสบการณ์จากปีกพรรคเพื่อไทย เพราะโชกโชนสนามการเมืองมากพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นคุณหมอชลน่าน ศรีแก้ว ที่อาจจะเป็นไกด์ไลน์ให้กับทางอนาคตใหม่ ซึ่งจะได้เห็นภาพบ้างแล้วในวันเปิดสภาฯครั้งแรก

ด้านกองหลังนั้น อ.ยุทธพร มองว่า ผู้หลักผู้ใหญ่จากพรรคต่างๆ ทั้งจากพรรคเพื่อไทยเอง พรรคประชาชาติ แต่ยังมีความเชื่อพล.ต.เสรีพิสุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยอาจจะรวมเล่นกับเหล่ากองหน้าด้วย ซึ่งถือว่าเป็นฝ่ายค้านที่น่ากลัวพอสมควร เพราะเป็นฝ่ายค้านรูปแบบใหม่ ทีเราไม่เคยเห็นบทบาท แม้ประธานสภาฯอย่าง ชวน หลีกภัย จะมากด้วยประสบการณ์การทำงานในสภาฯ แต่สภาฯชุดใหม่ชุดนี้ หลายคนคุณชวนก็ไม่รู้จัก ในขณะเดียวกันหลายๆคนก็ไม่รู้จักท่านชวน ทำให้น่าคิดว่า ผู้มากประสบการณ์การเมือง มาเจอกับฝ่ายค้านสมัยใหม่แบบนี้ จะสามารถเท่าทันกันหรือไม่ ต้องจับตาดูกันต่อไป

ส่วน ปิยะภพ เอนกทวีกุล อาจารย์พิเศษวิชารัฐศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคม มหาวิทยาราชภัฏราชนครินทร์ มองว่าภาพรวมตอนนี้ ถ้าวิเคราะห์ พรรคการเมืองที่เข้าร่วมกับพลังประชารัฐนั้น มองว่าพรรคภูมิใจไทยมีความชัดเจนในเรื่องกัญชาเสรี จึงเชื่อว่าต้องขอกระทรวงสาธารณสุขเป็นฐานในการผลักดันนโยบายนี้ ถัดมาคือคมนาคม เพราะตัวพรรคก็เคยทำงานกระทรวงนี้มาก่อน และด้วยศักยภาพคนทำงานในพรรคก็สามารถขับเคลื่อนงานได้อย่างชัดเจน

 

 

ขณะที่ประชาธิปัตย์ วิเคราะห์จากการหาเสียงในช่วงเลือกตั้ง มีความชัดเจนในเรื่องพลังงาน ย่อมมีความเป็นไปได้ที่จะขอกระทรวงพลังงาน เพราะทางพรรคมีบุคลากรที่เชี่ยวชาญ อีกกระทรวงที่น่าจับตาคือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพราะมีสัญญาใจกับประชาชนในเรื่องผลักดันขึ้นราคายางพารา ปาล์มน้ำมัน

ปรากฎการณ์งูเห่า มันจะสร้างปัญหาอะไรได้บ้าง ในมุมมองของเขานั้น วิเคราะห์ว่า ปัญหาอย่างแรกของรัฐบาลปริ่มน้ำแบบนี้ หากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจตรงนี้จะกลายเป็นปัญหา ถ้ามีงูเห่าในพรรคเพื่อไทยกับพรรคพันธมิตรโหวตเลือกพล.อ.ประยุทธ์ สิ่งที่จะเกิดขึ้นนั้น ก็จะทำให้ดุลอำนาจและเสถียรภาพมาอยู่ทางฝั่งพล.อ.ประยุทธ์ หากเป็นแบบนี้ย่อมสะท้อนไปถึงอายุรัฐบาล รวมทั้งการตีรวนของฝ่ายค้านด้วย แต่ก็ยังมีจุดอ่อนที่เห็นได้ชัดของฝ่ายค้านคือไม่มีใครคุมส.ส.ในปีกตัวเองให้อยู่ในระเบียบ