ศูนย์วิจัยฯ ยัน “รถตู้” เสี่ยงตายกว่า “ไมโครบัส”

by ThaiQuote, 13 สิงหาคม 2562

ศูนย์วิจัยอุบัติเหตุฯ ชี้ "รถตู้" มีโอกาสเสียชีวิตจากอุบัติเหตุมากกว่ามินิบัส แจงปัญหาการใช้ความเร็วของผู้ขับขี่ พบแม้ติด GPS คุมความเร็ว แต่ไม่เชื่อมต่อข้อมูลกรมขนส่งฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้ประกาศยกเลิกมาตรการบังคับให้รถตู้โดยสารสาธารณะเปลี่ยนมาเป็นรถไมโครบัส ตามกำหนดภายในวันที่ 13 ส.ค. โดยให้ผู้ประกอบการจดเปลี่ยนรถตู้เก่าเป็นรถตู้ใหม่ได้ และสั่งให้กรมการขนส่งทางบกศึกษาขยายอายุการใช้งานรถตู้จาก 10 ปี เป็น 12 ปี ตามข้อเรียกร้องของผู้ประกอบการรถตู้โดยสารกรุงเทพ-ปริมณฑลนั้น

ทั้งนี้ศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย ได้เปิดเผยข้อมูล ระบุว่า สาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุในรถตู้โดยสารนั้นมาจาก การใช้ความเร็วของผู้ขับขี่ เนื่องมาจากคนขับรถตู้ต้องวิ่งทำรอบ หรือไม่ก็เป็นเพราะพฤติกรรมส่วนตัวของคนขับ ซึ่งแตกต่างกับรถมินิบัสที่สามารถทำความเร็วหรือการแซงได้ช้ากว่ารถตู้ ดังนั้นอุบัติเหตุรถตู้จึงเกี่ยวข้องกับยานพาหนะโดยตรง

จากข้อมูลดังกล่าว ยังพบว่า มีรถตู้อีกเป็นจำนวนมาก ที่ติดตั้ง GPS ควบคุมความเร็ว แต่ไม่ได้เชื่อมข้อมูลไปยังกรมขนส่งทางบก จึงไม่สามารถตรวจสอบการใช้ความเร็วเกินกำหนด และทำการเตือนรถคันที่ใช้ความเร็วเกินกำหนดได้ รวมทั้งการบังคับให้คาดเข็มขัด ซึ่งรถตู้ส่วนใหญ่ไม่ได้ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยที่สามารถใช้งานได้

เช่นเดียวกันเมื่อพบการเกิดอุบัติเหตุจากรถตู้ส่วนใหญ่ เมื่อมีการชนเกิดขึ้นทางด้านหน้า ถังน้ำมันและท่อน้ำมันซึ่งอยู่ข้างหน้าจะแตกทำให้เกิดประกายไฟลุกไหม้ ซึ่งผู้โดยสารที่กำลังอยู่ในสภาพบาดเจ็บ จะไม่สามารถหลบหนีออกจากเปลวเพลิงได้

สำหรับรถมินิบัส เมื่อเกิดอุบัติเหตุผู้โดยสารมีโอกาสตายน้อยกว่าหรือมีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้น เนื่องจากรถมินิบัสมีพื้นที่ภายในรถมากกว่า มีช่องทางเดินตรงกลาง หน้าต่างมีขนาดใหญ่ มีประตูฉุกเฉินทางด้านขวา และส่วนใหญ่มักจะมีประตูฉุกเฉินบนหลังคารถด้วย เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะสามารถหนีออกมาได้เร็วกว่ารถตู้

ดังนั้นการยกระดับความปลอดภัยของการเดินทางด้วยรถตู้โดยสารสาธารณะ รัฐบาลต้องทำให้องค์ประกอบทุกด้านของการเดินทางด้วยรถตู้นั้นปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็น คนขับรถตู้ ยานพาหนะ อุปกรณ์นิรภัย ผู้โดยสาร สภาพถนนและสิ่งแวดล้อม ขาดองค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่ง การยกระดับความปลอดภัยจะล้มเหลวทันที โดยกระทรวงคมนาคมไม่สามารถที่จะไปมุ่งหวังเฉพาะตัวคนขับรถเพียงอย่างเดียวได้ ซึ่งแนวคิดนี้ได้ถูกพิสูจน์มาแล้วในหลายๆ ประเทศที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาทางด้านความปลอดภัยทางถนน

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
คนกรุงฯ เฮ 1ต.ค.62 ได้ฤกษ์นั่ง “มินิบัส”แทน “รถตู้”