Apple เปิดตัว iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max ชูจุดเด่น ชิป A13 Bionic ประสิทธิภาพขั้นสูงที่มาพร้อมกับการประหยัดพลังงาน บวกกับอาวุธเด็ด กล้องหลัง 3 ตัว

วันที่ 10 ก.ย.62 บริษัท แอปเปิล อิงก์ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็นไฮไลต์ของปี นำเสนอสมาร์ตโฟนที่คนทั้งโลกรอคอย คือ iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max ที่ชูจุดเด่นในเรื่องของประสิทธิภาพขั้นสูงที่มาพร้อมกับการประหยัดพลังงาน บวกกับอาวุธเด็ด กล้องหลัง 3 ตัว

สำหรับราคาของ iPhone 11 Pro เริ่มต้นที่ 999 ดอลลาร์ ราคาศูนย์ไทย 35,900 บาท ส่วน Phone 11 Pro Max เริ่มต้นที่ 1,099 ดอลลาร์ ราคาศูนย์ไทย 39,900 บาท

iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max ผลิตจากสแตนเลสสตีล หน้าจอแสดงผล Super Retina XDR กว้าง 5.8 นิ้ว ความละเอียด 2436x1125 พิกเซล, 458 ppi ส่วนรุ่น Pro Max จอกว้าง 6.5 นิ้ว ความละเอียด 2688x1242 พิกเซล, 458 ppi ใช้ระบบ haptic touch

สำหรับ iPhone 11 Pro มีจุดเด่นอยู่ที่ A13 Bionic ซึ่งเป็นชิปที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสมาร์ตโฟน ซึ่งหากเทียบกับชิป A12 รุ่นก่อน หรือชิประดับไฮเอนด์อย่าง Snapdragon 855 และ Kirin 980 แล้ว A13 มี CPU และ GPU ที่เร็วกว่า A12 ถึง 20%

ส่วนกล้องหลัง 3 ตัวของ iPhone 11 Pro นั้นประกอบด้วย

เลนส์ปกติ (Wide) ความละเอียด 12MP (f/1.8), กันสั่น OIS
เลนส์มุมแคบ (TelePhoto) ซูม 2x ความละเอียด 12MP (f/2.0), กันสั่น OIS
เลนส์กว้างพิเศษ (Ultra-Wide) 120° ความละเอียด 12MP (f/2.4)

ด้านแบตเตอรี่ของ iPhone 11 Pro นั้นใช้งานได้นานกว่า iPhone Xs สูงสุด 4 ชั่วโมงในขณะที่ iPhone 11 Pro Max ใช้งานได้นานกว่า iPhone Xs Max สูงสุด 5 ชั่วโมง

นอกจากนี้ แอปเปิดยังประกาศลดราคา iPhone XR ลงเหลือ 599 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 18,335 บาท) และลดราคา iPhone 8 เหลือ 449 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 13,745 บาท)

ทั้งนี้ iPhone 11 Pro กับ iPhone 11 Pro Max มี 4 สีให้เลือกซื้อ ได้แก่ เทาสเปซเกรย์, เงิน, ทอง และสีใหม่คือ เขียวมิดไนต์กรีน ความจุตัวเครื่อง 64GB, 256GB และ 512GB โดยเริ่มจองได้ตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย.นี้ และวางตลาดวันที่ 20 ก.ย.เฉพาะในสหรัฐฯ ส่วนในประเทศไทยยังไม่มีกำหนดการวางขาย

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
ล้ำหน้า! จีนเปิดตัว ‘รถบัสปัญญาประดิษฐ์’ มีโปรแกรม‘คุยโต้ตอบ-สแกนมือจ่ายเงิน’