บรรยากาศสงครามการค้าสหรัฐ-จีนยังคุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา จีนเร่งหาฐานการผลิตสินค้าเทคโนโลยีและสินค้าอุปโภคบริโภคแห่งใหม่ คาดว่าน่าจะเป็นกัมพูชา

โดยในวันที่ 15 ธันวาคมที่จะถึงนี้ จะเป็นวันชี้ชะตาจีนว่า สหรัฐฯ จะขึ้นภาษีเพื่อเป็นการคว่ำบาตรจีนอย่างไร ทั้งในส่วนของสินค้าประเภทเทคโนโลยีอย่างสมาร์ทโฟนหรือสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ ถ้าขึ้นภาษีอีก 15% จะมีมูลค่ามากถึง 1.6 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 4.84 ล้านล้านบาท

ทั้งนี้หลายบริษัทที่กำลังจะได้รับผลกระทบการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ก็เตรียมย้ายฐานการผลิตเหมือนกัน เช่น ผู้ผลิตสิ่งทอ ผ้าแคชมีร์ (cashmere) ที่มีฐานการผลิตอยู่เขตปกครองตนเองมณฑลซินเจียงก็เตรียมจะย้ายไปยังกัมพูชาเพื่อหนีผลกระทบที่มาจากการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ด้วย แต่การหนีภาษีไปกัมพูชาก็ยังน่ากังวลเพราะยังมีเทคโนโลยีการผลิตที่เป็นแบบเก่าอยู่ อาจทำให้เสี่ยงต่อการรับมือกับต้นทุนสูงกว่าอยู่ที่ซินเจียงได้

ขณะที่การขึ้นภาษีสินค้าจีนของสหรัฐฯ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานั้น ทำผู้ผลิตเสื้อผ้ายีนส์ในกวางโจวได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก เพราะสหรัฐฯ ถือเป็นตลาดหลักในการส่งออก

อย่างไรก็ตาม ภายใต้ความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะขึ้นภาษีจีน สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปซึ่งเป็นชาติตะวันตกทั้งหลายก็พยายามจะกดดันกัมพูชาในประเด็นสิทธิมนุษยชนในเวลาไล่เลี่ยกัน ยิ่งทำให้จีนและกัมพูชาใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น

ทั้งนี้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา สี จิ้นผิง เพิ่งจะให้คำมั่นว่า จะนำเข้าข้าวจากกัมพูชามากถึง 4 แสนตันและจะผลักดันมูลค่าการค้าระหว่างจีน-กัมพูชาให้ทะลุยอด 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3 แสนล้านบาท) ภายในปี 2023

นอกจากนี้จีนยังปล่อยกู้ให้อีก 4 พันล้านหยวน หรือประมาณ 588 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1.7 หมื่นล้านบาทระหว่างปี 2019-2021 หลังกัมพูชาถูกขู่จากสหภาพยุโรปว่าจะคว่ำบาตรทางการค้า การปล่อยกู้และเร่งเดินหน้าให้ความช่วยเหลือของจีนในต่างประเทศ จะยิ่งทำให้จีนสานฝัน Belt and Road Initiative ให้สำเร็จได้รวดเร็วขึ้น

ทั้งนี้ จีนไม่ได้เพิ่งเริ่มคิดลงทุนในกัมพูชา แต่ได้เริ่มมานานแล้ว นับตั้งแต่ปี 2013-2018 มีการลงทุนโดยตรงจากจีนมากถึง 5.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.6 แสนล้านบาท โดย 5 ปีที่แล้วอพาร์ทเมนท์หรูผุดขึ้นในกัมพูชามากถึง 1,500 แห่ง โรงแรมหรูก็เช่นกัน ถือเป็นพื้นที่ที่เติบโตได้ดีโดยเฉพาะในด้านอสังหาริมทรัพย์ นักลงทุนจีนไว้ใจกัมพูชาและมองเห็นอนาคตว่าลงทุนที่นี่แล้วไปได้ดี

ด้วยเหตุนี้ จีนกับกัมพูชาซึ่งมีความสัมพันธ์ ใกล้ชิดกันอยู่แล้ว แถมจีนยังเคยกล่าวว่า”กัมพูชาถือเป็นพันธมิตรที่ซื่อสัตย์ของจีน” ด้วย สถานการณ์ เช่นนี้จึงทำให้ทั้งสองฝ่ายยิ่งกระชับความสัมพันธ์ แน่นแฟ้นขึ้น

ด้าน สก โสเพียก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กัมพูชาได้ให้สัมภาษณ์ Khmer Times ไว้ว่า “จีนกำลังเผชิญความท้าทายในด้านการค้ากับสหรัฐฯ บริษัทจีนจึงมองหาแหล่งผลิตที่เป็นโอกาสใหม่ๆ ให้กับจีน ซึ่งก็คือ กัมพูชากับเวียดนาม เป้าหมายก็เพื่อให้ประเทศเหล่านี้ผลิตสินค้าส่งออกมายังสหรัฐฯ ได้”

อย่างไรก็ตามสำหรับจีนแล้ว การย้ายฐานการผลิตไปกัมพูชา เวียดนามและปากีสถาน ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจและทำให้เลี่ยงผลกระทบจากการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ได้เป็นอย่างดี

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

จีนเข้ม!สั่งภาครัฐ เลิกใช้ฮาร์ดแวร์-ซอฟต์แวร์ตะวันตกภายใน 3 ปี