10 วิธีช่วยไอให้หายเร็ว

by ThaiQuote, 15 กุมภาพันธ์ 2563

หลายสาเหตุและอาการโรคที่ทำให้เกิดการไอ มีตั้งแต่ไอแห้ง ไอแบบมีเสมหะ หรือไอเรื้อรัง แต่ไม่ว่าจะไอแบบไหน ก็สร้างความรำคาญให้กับเราได้ตลอดทั้งวันทั้งคืน จึงขอแนะนำวิธีบรรเทาอาการไอให้ลดลงโดยเร็วที่สุด ทั้งง่าย และได้ผล

1. ดื่มน้ำให้มากขึ้น เริ่มต้นง่ายๆ กับการดื่มน้ำในแต่ละวันให้มากขึ้น ใครที่มีเสมหะในคอ น้ำก็จะช่วยละลายเสมหะให้น้อยลงได้ ส่วนใครที่มีอาการไอแห้งๆ น้ำก็จะช่วยให้ความชุ่มชื้นในลำคอได้ ทำให้มีอาการระคายเคืองภายในคอลดลงเช่นกัน

2. ดื่มน้ำอุ่น หากเลือกที่จะดื่มน้ำให้มากขึ้นแล้ว ควรเลือกดื่มน้ำอุ่นแทนการดื่มน้ำเย็น เพราะน้ำอุ่นจะช่วยละลายเสมหะ และให้ความชุ่มชื้นภายในลำคอได้ดีกว่าน้ำเย็น นอกจากนี้ยังสามารถเลือกดื่มน้ำอุ่นผสมน้ำผึ้งมะนาวระหว่างวันได้เช่นกัน จะทำให้คอชุ่มชื้นลดอาการไอลงได้

3. อาบน้ำอุ่น เมื่อข้างในอุ่นแล้ว ข้างนอกก็ต้องอุ่นด้วย ช่วยลดอาการไอได้ การอาบน้ำอุ่นนอกจากจะช่วยลดน้ำมูกได้แล้ว ยังดีต่อร่างกายของคนที่เป็นหวัด และภูมิแพ้อีกด้วย

4. อมยาแก้ไอ อย่าคิดว่าอาการไอจะหายไปได้เองง่ายๆ หากมีอาการไอจนตัวงอ ไอจนเพื่อนข้างๆ รำคาญ ควรรีบหายาแก้ไอมาอมด่วนๆ เพราะในยาแก้ไอจะมีส่วมประกอบที่จะช่วยลดอาการระคายเคืองภายในลำคอได้

5. ใช้เครื่องทำความชื้นในอากาศ บ้านไหนที่เปิดเครื่องปรับอากาศนอน ตกกลางคืนอากาศอาจจะแห้งจนทำให้อาการไอแย่หนักไปกว่าเดิม แม้ว่าอากาศในบ้านเราจะค่อนข้างร้อนชื้นอยู่แล้ว แต่สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการระคายเคืองคออยู่แล้ว อากาศแห้งๆ เย็นๆ จะยิ่งทำให้อาการไอเป็นหนักกว่าเดิม และอาจมีอาการคัดจมูกร่วมด้วย ดังนั้นหากใช้เครื่องทำความชื้นภายในห้องนอน ก็จะช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองคอได้

Note : เครื่องทำความชื้น เป็นเครื่องที่เสียบปลั๊กแล้วมีไอน้ำพุ่งออกมา สามารถเพิ่มความชื้นในอากาศภายในห้องได้ (โรงพยาบาลบางแห่งจะมีเครื่องเพิ่มความชื้นในห้องผู้ป่วย) จะกลิ่นหอมๆ หรือไม่มีกลิ่นก็ได้ แล้วแต่คนชอบ แต่หากเลือกกลิ่นที่ช่วยให้หลับดี เช่น กลิ่นดอกคาโมมายด์ กลิ่นลาเวนเดอร์ ก็จะช่วยให้เรานอนหลับง่าย พักผ่อนได้เต็มที่ไปด้วย

 

6. งดสูบบุหรี่ ใครที่สูบบุหรี่ควรงดการสูบบุหรี่ในช่วงที่มีอาการไอเด็ดขาด เพราะการสูบบุหรี่จะทำให้ระคายเคืองคอมากยิ่งขึ้น และยังอาจทำให้มีเสมหะมากขึ้นได้อีกด้วย (แต่อยากจะแนะนำให้เลิกสูบบุหรี่ไปเลยจะดีกว่า เพราะการสูบบุหรี่เป็นสาเหตุของโรคหลอดลมโป่งพอง และโรคอันตรายอื่นๆ อีกมากมาย) หากคุณไม่ใช่คนที่สูบบุหรี่ ก็ควรอยู่ให้ไกลห่างจากผู้ที่สูบบุหรี่ หรือกลุ่มคนที่สูบบุหรี่ด้วยเช่นกัน

7. งดใช้น้ำหอม สเปรย์ต่างๆ ส่วนประกอบของน้ำหอม และสเปรย์ต่างๆ (รวมถึงสเปรย์น้ำหอมปรับอากาศ) การทำให้โพรงจมูกมีอาการระคายเคืองได้ และอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้มีเสมหะเพิ่มมากขึ้น หรือไอเรื้อรังได้

8. หลีกเลี่ยงฝุ่น ควันต่างๆ นอกจากน้ำหอม และสเปรย์แล้ว อากาศรอบตัวอย่างอากาศแห้งๆ จากเครื่องปรับอากาศภายในสำนักงาน ฝุ่นควันจากท่อไอเสียของรถยนต์ ควันจากการทำอาหาร มลพิษทางอากาศเหล่านี้อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองในโพรงจมูก และลำคอได้ ดังนั้นขณะที่มีอาการไอ ควรใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันตัวเองจากมลพิษทางอากาศเหล่านี้ด้วย

9. นอนพักผ่อนให้มากขึ้นส่วนใหญ่แล้ว อาการไอที่แย่ลงเรื่อยๆ หรือหายช้า เป็นเพราะร่างกายไม่มีเวลาที่จะซ่อมแซมตัวเอง เพราะเราใช้ร่างกายของเราหนักเกินไปจนพักผ่อนน้อยนั่นเอง ดังนั้นหากรู้ตัวว่าป่วย ไอหนักมาก ควรรีบเข้านอนแต่หัววันตั้งแต่อากาศยังไม่เย็นมากจนเกินไป และพักผ่อนให้เพียงพอ

10. พบแพทย์ทางสุดท้ายที่จะเพิ่งได้ คือการพบหมอให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย เพราะอาการไอที่เราเป็นมานาน ทำทุกอย่างแล้วก็ไม่หาย อาจจะไม่ใช่อาการไอธรรมดาๆ โดยอาการไออาจจะเป็นเพียงอาการเบื้องต้น ที่เป็นสัญญาณเตือนถึงโรคอันตรายอื่นๆ ได้ ดังนั้นการพบแพทย์ก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับใครก็ตามที่อาการไอไม่ดีขึ้นเลยภายใน 1-2 สัปดาห์

ขอขอบคุณข้อมูล :Pobped

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ