“พรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล” โอกาสของ"ธุรกิจไทย"ในวิกฤติ "โควิด-19"

by ThaiQuote, 27 กุมภาพันธ์ 2563

โดย...คเชนทร์ พลประดิษฐ์

วันนี้สถานการณ์ของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ไม่ใช่แค่การป้องกันเชื้อจากคนสู่คนเพียงเท่านั้น แต่มันยังลามไปกระทบเศรษฐกิจหลักของประเทศอีกด้วย คือ การท่องเที่ยว ซึ่งก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่ารายได้หลักของการท่องเที่ยวมาจากชาวจีน และเป็นผลพวงให้กระทบภาคส่วนอื่นๆ อีกทั้งระบบ

แต่อย่างที่เราก็เคยได้ยินว่า “ในทุกวิกฤติย่อมมีโอกาสเสมอ” แล้ววันนี้โอกาสของประเทศไทยคืออะไร ท่ามกลางการระบาดของ โควิด-19

“พรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล” อดีตรองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ผู้ช่ำชาญในเรื่องส่งออก ได้เล่าถึงผลกระทบของภาคธุรกิจไทยที่จะได้รับจากวิกฤติไวรัสโควิด-19 ว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 มันเป็นผลพวงกระทบทั้งระบบของเศรษฐกิจ ไล่เรียงตั้งแต่การท่องเที่ยว ซึ่งเป็นรายได้หลักของประเทศ ไปยังกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่นๆ ทั้ง การส่งออก การลงทุนจากต่างประเทศ วันนี้เราจึงมองเรื่องของการประคับประคองการดูแลเศรษฐกิจภายในประเทศของรัฐบาล นั่นคือ การลงทุนในส่วนของภาครัฐ ซึ่งจะต้องตั้งธงนำภาคเอกชน แม้จะมีเอกชนบางรายที่เริ่มปรับตัวใช้เวลาในช่วงระยะนี้ปรับปรุงคุณภาพของตนเองไปก่อนแล้ว


สิ่งที่ พรศิลป์ มองว่าภาครัฐจะต้องเป็นธงนำด้านการลงทุนในประเทศ ซึ่งขณะนี้รัฐบาลเองก็เร่งการใช้จ่ายของทั้งหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และการออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ หรือการจัดสัมมนาของบุคลากรภาครัฐ ภายในประเทศ งดเว้นการดูงานต่างประเทศไปแล้ว ตามคำชี้แจงของ นายกรัฐมนตรีต่อสภาผู้แทนราษฎร ในวาระการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
เช่นเดียวกัน อีกสิ่งหนึ่งที่ พรศิลป์ มองว่ามันเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการไทยจะพัฒนาคุณภาพของสินค้าเพื่อการส่งออกให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ ภายหลังจากพ้นวิกฤตินี้ไปแล้ว ด้วยการหันมาพัฒนาคุณภาพสินค้าทางการเกษตร และการต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์ขั้นสูงขึ้น จากที่เราเคยส่งออกเพียงแค่สินค้าขั้นต้นการผลิตเท่านั้น

“วันนี้เมื่อมีวิกฤติ มันทำให้เราสามารถมีเวลาแต่งองค์ทรงเครื่องสินค้าที่อยู่ในมือของเราได้ เช่น เรื่องของ มาตรฐานสินค้าทางการเกษตร การเน้นการพัฒนาสินค้าซึ่งอยู่ในห่วงโซการผลิต เพราะต่อจากนี้ประเทศซึ่งเป็นคู่ค้าของเรานั้นจะมองเรื่องของคุณภาพ มาตรฐาน และเรื่องของสิ่งแวดล้อม มากกว่าเรื่องของราคา” อดีตรองประธานหอการค้าฯ กล่าว

ส่วนประเด็นเรื่องของสินค้าเร่งด่วนที่จีนจำเป็นต้องใช้ในขณะนี้ ในขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสทองอีกประการหนึ่งของไทย ซึ่งพรศิลป์ได้สะท้อนมุมมองที่น่าสนใจว่า เป็นสินค้าเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คือ แอลกอฮอล์ และหน้ากากอนามัย ที่น่าจะเป็นโอกาสของไทยในการส่งสินค้าพวกนี้ไปยังประเทศจีนที่กำลังเริ่มขาดแคลน

“สินค้าที่เราส่งออกไปจีน ปัจจุบัน มีสินค้าทางการเกษตรเป็นหลัก เช่น ยางพารา ข้าว มันสำปะหลัง ก็พอจะมีโอกาสเรื่องของมันสำปะหลัง วันนี้จีนกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ดังนั้น สิ่งที่เขาต้องการ คือ แอลกอฮอล์ ที่ใช้สำหรับฆ่าเชื้อ ซึ่งสามารถผลิตจากมันสำปะหลังได้ ตรงนี้ก็เป็นโอกาสที่ดีทั้งผู้ประกอบการ เกษตรกร หากวางกันดีๆ มันก็ได้ทั้งระบบ
ด้านโอกาสที่ 2 อย่างหน้ากากอนามัย แม้จะมีประกาศควบคุมจากคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ว่าไม่ให้ส่งออกก็ตาม เรื่องนี้สำหรับอดีตรองประธานหอการค้าฯ ผู้นี้ ให้ภาพว่า

“ในส่วนหน้ากากอนามัย แม้จะมีประกาศของกกร. แต่หากขออนุญาตอย่างถูกต้อง ผมเชื่อว่าก็สามารถที่จะส่งออกได้ หน้ากากอนามัยถือเป็นสินค้าที่น่าจับตามอง แม้หน้ากากอนามัยชนิดธรรมดาจะมีราคาเพียง 1-2 บาท แต่หากมีการพัฒนาในเป็นหน้ากากอนามัยคุณภาพสูงราคาก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย และไม่ใช่เฉพาะความต้องการในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เท่านั้น แต่ผมมองว่าจีนยังคงต้องการสินค้านี้ในระยะยาว แม้โรคระบาดจะหมดไปแล้วก็ตาม เพราะใช้ในการป้องกันฝุ่นและคุณภาพอากาศอีกด้วย”

ข่าวที่น่าสนใจ