“คนไทยยุคโควิด-19” เริ่มใช้ชีวิต”พอเพียง”มากขึ้น

by ThaiQuote, 15 เมษายน 2563

การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลการใช้ชีวิตของครอบครัวในสังคมไทยเปลี่ยนไป ใช้ชีวิต”พอเพียง”มากขึ้น เกือบ100% สวมหน้ากากฯออกจากบ้าน แต่หวั่นศก.ทำคนในครอบครัวทำร้ายกัน

กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้ทำการสำรวจ “ครอบครัวไทย” ในภาวะวิกฤติ COVID-19 เพื่อทราบการปฏิบัติตัว ของสมาชิกครอบครัว การอยู่ร่วมกันในครอบครัว Stay at home ในภาวะวิกฤต โดยสำรวจกลุ่มตัวอย่างอายุ 15 ปีขึ้นไป ทุกสาขาอาชีพ จำนวน 2,069 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 10 – 13 เม.ย. 2563 ผลสำรวจพบว่า

ร้อยละ 96.4 - ครอบครัวส่วนใหญ่มีการสวมใส่หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน
ร้อยละ 88.3 - หลีกเลี่ยงการออกนอกบ้าน ไม่ไปอยู่ในสถานที่สาธารณะที่มีผู้คน แออัด และหลีกเลี่ยงงานเลี้ยงสังสรรค์
ร้อยละ 84.3 - มีการรับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะ กินร้อน ช้อนกลางส่วนตัว และล้างมือบ่อยมากขึ้น
ร้อยละ 83.6 - หากรู้สึกไม่สบายเล็กน้อยจะกักตัวเองให้ห่างจากครอบครัวและผู้อื่นทันที

ร้อยละ 82.5 - มีการศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการเฝ้าระวังและการป้องกันโรคโควิด-19
ร้อยละ 82.7 - การปฏิบัติตามมาตรการของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด
ร้อยละ 77.6 - สมาชิกครอบครัวกว่า 3 ใน 4 มีการสังเกต อาการของตนเองและคนในครอบครัวอยู่เสมอ ร้อยละ 75.0 - มีการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง นอนหลับพักผ่อน อย่างเพียงพอ

ทั้งนี้ ครอบครัวไทยมีผู้สูงอายุ มีผู้ป่วย หรือคนทำงานที่เสี่ยงกับการติดโรคระบาด ถึงร้อยละ 13.8 โดย
ร้อยละ 29.8 - มีความเสี่ยงอยู่ในระดับปานกลาง

สำหรับกิจกรรมที่สมาชิกครอบครัวทำขณะอยู่บ้าน (Stay at home)ได้แก่
ร้อยละ 67.0 - การติดตามข่าวสารบ้านเมืองและข่าวสถานการณ์โควิด-19
ร้อยละ 33.9 - การฟังเพลง วิทยุ ดูโทรทัศน์ วีซีดี ดีวีดี ฯลฯ
ร้อยละ 24.3 - ทำงานที่บ้าน (work from home) ร้อยละ 24.3 - เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ
ร้อยละ 23.7 - การมีส่วนร่วมช่วยเหลือ สังคมด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น บริจาคเงิน ทำบุญ และงานจิตอาสา ร้อยละ 22.0 - เล่นเกมออนไลน์ Facebook Line twitter ฯลฯ
ร้อยละ 13.1 - อ่านหนังสือทุกประเภท
ร้อยละ 9.7 - ใช้เวลากับการทำงานประดิษฐ์ และงานฝีมือ

ขณะที่กิจกรรมครอบครัวที่ทำขณะอยู่บ้าน ระดับปานกลาง-มาก พบว่า
ร้อยละ 98.8 - มีการติดตามข่าวสารและข่าวสถานการณ์โควิด-19
ร้อยละ 85.6 - มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสังคมด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น บริจาคเงิน ทำบุญ จิตอาสา
ร้อยละ 82.0 - มีการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ มากขึ้น ร้อยละ 76.5 - อ่านหนังสือทุกประเภท

 

ที่น่าสนใจ คือ นโยบายทำงานที่บ้าน (Work for home) พบว่า สมาชิกครอบครัว 7 ใน 10 คน ทำงานที่บ้าน ในระดับปานกลาง – มาก โดยมีสัดส่วน 1 ใน 4 คน ที่ใช้เวลาทำงานมากพอ ๆ กับที่ทำงาน
แม้ว่าจะมีสถานการณ์วิกฤตจากโรคระบาด ครอบครัวไทยส่วนใหญ่ ร้อยละ 96.0 ไม่ได้ใช้ความรุนแรงทำร้ายร่างกายกัน อย่างไรก็ตาม อาจเป็นเพราะความตึงเครียด ทำให้สมาชิกครอบครัวเพียงร้อยละ 56.4 เท่านั้น ที่สามารถควบคุมการใช้อารมณ์รุนแรงหรือไม่ใช้อารมณ์รุนแรงกับคนในครอบครัว

ที่น่าห่วงใย คือ ร้อยละ 5.8 - ของครอบครัวไทย ที่เมื่อมีความหงุดหงิดและโมโหแทบไม่สามารถควบคุมการใช้อารมณ์กับคนในครอบครัวได้เลย
ซึ่งในจำนวนนี้มี ร้อยละ 0.9 - ที่มีการใช้ความรุนแรงทำร้ายร่างกายกัน จนได้รับบาดเจ็บ

ขณะที่การอยู่ร่วมกันของครอบครัวในภาวะวิกฤติ พบว่า
ร้อยละ 94.6 - สถาบันครอบครัว คือสถาบันที่มีความสำคัญมากที่สุดถึง
ร้อยละ 84.0 - รู้สึกมีความสุขที่ได้อยู่ร่วมกับครอบครัว
ร้อยละ 68.9 - มีการตัดสินใจ เรื่องต่าง ๆ ร่วมกับครอบครัว
ร้อยละ 59.9 - สามารถคุยกับครอบครัวได้ทุกเรื่อง

 

ที่สำคัญจากภาวะวิกฤตนี้ ทำให้ประชาชนกว่า 6 ใน 10 หรือ ร้อยละ 60.1 มีการใช้ชีวิตความเป็นอยู่แบบพอเพียงมากขึ้น และประชาชนกว่า 1 ใน 3 หรือ ร้อยละ 35.0 มีการศึกษาเรียนรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพของตนเองมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม พบว่า สมาชิกครอบครัว เพียง 1 ใน 2 หรือ ร้อยละ 53.2 ที่มีการวางแผนชีวิต การเรียน การทำงาน และอนาคตของครอบครัว ขณะที่ ครอบครัวมีการเว้นระยะห่าง แต่มีการแสดงความรัก ความเอาใจใส่กันอย่าง สม่ำเสมอ เพียงร้อยละ 47.2 สำหรับการทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัวอยู่ในระดับปานกลาง ร้อยละ 35.3

สำหรับสิ่งที่น่าห่วงคือ มีครอบครัวไทยเพียงร้อยละ 23.4 เท่านั้น ที่ไม่มีปัญหาด้านการเงินและสามารถดูแลรับผิดชอบค่าใช้จ่าย ของครอบครัวได้ในภาวะวิกฤตนี้ สำหรับครอบครัวร้อยละ 61.4 พอที่จะสามารถจัดการแก้ไขปัญหาทางการเงินและดูแล รับผิดชอบค่าใช้จ่ายของครอบครัวได้
ยกเว้นครอบครัวอีกร้อยละ 14.7 มีปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างมาก เพราะแทบไม่สามารถจัดการด้านการเงินและค่าใช้จ่ายของครอบครัวได้เลย

ทั้งนี้ ครอบครัวเกือบ 2 ใน 3 หรือ ร้อยละ 65.5 มีความเชื่อถือข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข และมีความเชื่อมั่น การทำงานของรัฐรวมถึงบุคลากรทางการแพทย์


ข่าวที่น่าสนใจ