โดย....กองบรรณาธิการ ThaiQuote

กำลังมีคำถามสำหรับข่าวการเมืองวันนี้ ว่าเกิดอะไรขึ้นใน "ประชาธิปัตย์"

ลือกันถึงถ้อยคำที่อ้างว่ามาจาก "จุรินทร์ ลักษณ์วิศิษฏ์" หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และบทบาทในรัฐบาลที่ควบไว้ทั้ง 2 ตำแหน่ง คือรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ที่ออกมาสะท้อนเรื่องในพรรค แต่มันสะท้านไปถึงลูกพรรคเกือบทั้งหมด ถึงประเด็นที่ว่าชั่วโมงนี้ ทีมกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์กำลังทำงานอย่างหนัก และทุ่มเทอย่างเต็มที่ ซึ่งก็รวมไปถึงการพิจารณาว่าจะเลือกใครลงสมัครรับเลือกตั้งในโอกาสต่อไป

ข่าวลือชิ้นนี้มันสร้างแรงกระเพื่อมภายในและนำไปสู่ภายนอกได้ในคราเดียวกัน และมันเป็นคำถามกลับมาว่า การวางตัวของคนที่จะลงเลือกตั้งในนามของพรรค มันจะเร็วเกินไปหรือไม่ และการเลือกตั้งที่ว่านั่นคืออะไร จะเลือกตั้งท้องถิ่น หรือเลือกตั้งระดับชาติกัน แล้วทำไมต้องมีข่าวลือเช่นนี้ออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับข่าวคราวของกระแสความไม่ลงรอยกำลังเกิดขึ้นในพรรคที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองไทย ที่ปีนี้ก็มีอายุถึง 74 ปีเข้าไปแล้ว

และคำถามที่เลี่ยงไม่ได้สำหรับคอการเมือง หรือว่า ผู้ใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ ได้ข่าวอะไรมา ถึงเกิดการวางตัวคนไว้สู้ศึกเลือกตั้ง

สิ่งนั้นคือการ "ยุบสภา" หรือไม่

คำถามที่ยังไม่มีคำตอบอย่างชัดเจนออกมา แต่ก็พอเห็นภาพภายในของพรรคประชาธิปัตย์ได้อย่างแจ่มชัดว่าคงมีปัญหากันภายในที่คนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งก็คือกรรมการบริหารพรรคทั้งหมดจะต้องแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วน เพื่อให้ภาพลักษณ์ที่เคยเป็นเนื้อหนึ่งก้อนเดียวกันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ให้ภาพนั้นยังคงอยู่ในการเมืองไทยต่อไป

ข่าวลือการวางตัวคนลงเลือกตั้ง เกิดขึ้นหลังจากข่าวลือที่ซัดเข้ามาก่อนหน้านี้ โดยมีบางส่วนของสมาชิกพรรคเกิดอาการไม่พอใจการบริหารพรรคที่มีจุรินทร์ และเฉลิมชัย ศรีอ่อน เป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ และแว่วกันว่าเขาพร้อมจะดันอดีตนายกรัฐมนตรีของพรรคอย่าง "มาร์ค" อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลับมาคุมเรือประชาธิปัตย์อีกครั้ง

ซึ่งชั่วโมงนี้แม้ว่าอภิสิทธิ์ยังไม่ขยับตัวมากนักในเรื่องการเมือง แต่ทุกคนรู้กันดีว่าชายผู้นี้คือคนที่พร้อมจะทุ่มทุกอย่างเพื่อประชาธิปัตย์ และแม้ว่าตัวเองจะไม่ได้เป็น ส.ส. หรือกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบัน แต่ตัวเขายังคงสถานะสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เอาไว้อย่างไม่เสื่อมคลาย

ไม่ได้เดินออกจากพรรคตาม “กรณ์ จาติกวณิช” ที่ไปก่อตั้งพรรคกล้า พร้อมกับมีคนที่ศรัทธาเดินออกจากประชาธิปัตย์เพื่อไปทำงานการเมืองกับเขาเช่นกัน หรือแม้แต่ตัวของ พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ออกจากพรรคเช่นกันเพื่อไปทำหน้าที่ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ก่อนจะมาได้เป็นบอร์ดการบินไทยชุดใหม่ที่ทำหน้าที่ใหญ่คือฟื้นคืนการบินไทยให้กลับมา

แต่อภิสิทธิ์ยังคงอยู่กับพรรค และแน่นอนว่าตัวของอภิสิทธิ์เอง ก็ต้องถูกมองเป็นอีกทางเลือกสำหรับสมาชิกพรรคที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงภายในให้เกิดขึ้น ชื่อของอดีตนายกฯ ผู้นี้ จึงถูกพูดถึงอีกครั้งบนความวุ่นวายภายใน

แน่นอนว่า จุรินทร์ ย่อมไม่ต้องการให้เรื่องนี้เกิดขึ้น และต้องบริหารพรรคเพื่อสร้างความมั่นใจกลับมาให้ได้ เพราะหากว่าชายชื่ออภิสิทธิ์ได้กลับมากุมบังเหียน อาจจะเป็นแง่ลบเกินไปสำหรับหัวหน้าประชาธิปัตย์คนปัจจุบัน แผนล่าสุดที่หลุดออกมาจากคนในพรรค ที่สะท้อนกับเราว่าขณะนี้เริ่มมีการวัดกำลังกันภายในแล้ว โดยเฉพาะกับขั้วการเมืองฝั่ง กปปส. ที่พร้อมจะหนุนจุรินทร์ เพื่อบล็อกไม่ให้อดีตนายกฯ ของพรรคคืออภิสิทธิ์กลับมา

กระนั้นก็ตาม กับสิ่งที่ลือกันว่าจุรินทร์วางตัวคนเอาไว้ลงเลือกตั้ง อาจจะไม่เป็นผลดีมากนัก เพราะสมาชิกเองมองว่าเรื่องนี้คือ “การขู่” เพื่อวัดแรงสนับสนุน แน่นอนว่าหากไม่เอาจุรินทร์ แต่จุรินทร์ยังคงนั่งอยู่ในเก้าอี้ต่อไป อนาคตทางการเมืองอาจมาถึงทางตันสำหรับคนที่คิดเช่นนั้น

แต่อีกเรื่องคือ คำถามตามข้างต้นว่า มีสัญญาณอะไรมาหรือไม่ ถึงจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นอีกครั้ง หรือสัญญาณที่ว่ามันคือการ “ยุบสภา” แล้วรีเซ็ตกันใหม่อีกรอบตามครรลองของประชาธิปไตย

เพราะหากมองในภาพความเป็นจริง ก็ต้องยอมรับว่านาทีนี้ สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต่างเจอกับปัญหาที่ต้องปวดหัว เพราะแค่โควิด-19 ก็ทุ่มทั้งแรงกายแรงใจลงไปแล้ว ยังมาเจอเรื่องวุ่นวายในกลุ่มพรรคร่วมรัฐบาลกันอีก มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากคนเป็นนายกฯ จะสุดทน และขอรีเซ็ตกันใหม่ เพราะในอดีตที่ผ่านมามันไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้น หากแต่มีบทเรียนมาแล้วก็นับหลายครั้ง

และยังสอดรับกับความวุ่นวายก่อนหน้านี้ของหลายพรรคการเมืองที่เกิดขึ้น กับเป้าหมายเดียวกันคือการเตรียมตัวและเปลี่ยนตัวผู้กุมบังเหียนของแต่ละพรรค จะเพราะเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ ที่ทำให้หลายพรรคเกิดการขยับพร้อมๆ กัน

เรื่องที่น่าสนใจ

‘ประชาธิปัตย์’เรือแตก? สมาชิกเดินหา “จุรินทร์” แล้วเคลียร์ได้ จริงหรือ?

กกต.ยันเอง มีงบจัดเลือกตั้งท้องถิ่น 800 ล้าน รอรัฐบาลไฟเขียว จัดได้ทันที