ผลวิจัยชี้คนยุคใหม่ ต้องการไลฟ์สไตล์สมดุลระหว่างการทำงานกับชีวิตส่วนตัว ตั้งเป้า ชีวิตดี-องค์กรมีประสิทธิภาพ-คำนึงถึงธรรมาภิบาล

by ESGuniverse, 7 มีนาคม 2567

ด้วยไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่มองว่าการทำงานเพื่อการประสบความสำเร็จไม่ใช่เป้าหมายหลักอีกต่อไป เพียงแต่คำนึงถึงชีวิตและอิสรภาพด้านอื่นๆ จนเกิดเป็นวลีฮิตในช่วงที่ผ่านมา “Work-Life Balance” หรือก็คือความสมดุลระหว่างการทำงานกับชีวิตส่วนตัว

โดยเฉพาะกลุ่มคน Gen Y และ Gen Z (เกิดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 เป็นต้นมา) ที่กำลังก้าวเข้าสู่ชีวิตวัยทำงาน โดยส่วนใหญ่มักมองหางานที่รายได้มั่นคง และปัจจัยสำหรับคำว่า “ประสบความสำเร็จ” ก็ต่างกันออกไป


ผลสำรวจจากเว็บไซต์สมัครงาน Jobsdb ได้เผยถึงปัจจัยที่ดึงดูดให้กลุ่มนิสิตและนักศึกษาจบใหม่สนใจที่สมัครงาน ได้แก่


เวลาทำงานที่ยืดหยุ่น


ด้วยกระแสลดชั่วโมงการทำงานเพื่อเน้นประสิทธิภาพของงานกำลังได้รับความนิยมในต่างประเทศ ซึ่งเทรนด์นี้ก็ตรงกับความต้องการของ Gen Z ที่มองหา Work Life Balance หรือ สร้างสมดุลในชีวิตและงาน ต้องเข้าใจว่าคนรุ่นใหม่บางส่วนไม่ได้มีแค่งานหลักเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีงานเสริมอื่นๆ ที่อาจจะมากกว่ารายได้หลัก เช่น ขายของออนไลน์ หรือบางคนอาจจะเป็น Blogger หรือ Vloger เขาจึงมองหาการทำงานที่มีเวลายืดหยุ่น ไม่จำกัดว่าต้องเข้างาน 9 โมงเช้า เลิก 6 โมงเย็น แต่ให้ความสำคัญกับคุณภาพงานที่ทำมากกว่าชั่วโมงงานที่มากเกินความจำเป็น


Remote Working (สามารถทำงานที่ไหนก็ได้)


คือการทำงานที่ใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการรับส่งงาน สามารถทำงานที่ไหนก็ได้ โดยไม่ต้องเข้าออฟฟิศ ซึ่งก็สอดรับกับเทรนด์ co-working space ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ประโยชน์ของการทำงานนอกสถานที่ทำให้มีความคล่องตัวในการทำงานมากขึ้น ไม่ว่าจะไปเที่ยวหรืออยู่ที่ไหนก็สามารถทำงานได้ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะค่าเดินทาง ค่าแต่งตัว หรือค่าอาหาร อีกทั้งยังเพิ่มแรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์ ทำให้ไม่รู้สึกจำเจกับการทำงานในสภาพแวดล้อมเดิมๆ ซึ่งปัจจุบันอาชีพที่สามารถทำงานได้จากระยะไกลไม่จำกัดแค่การเป็น freelance อีกต่อไป แต่สายอาชีพเฉพาะอย่าง Content Writer, Graphic Designer หรือที่ปรึกษาการตลาดก็ทำได้เช่นกัน


เวิร์กช็อปเพิ่มความรู้

ไม่เพียงแต่สถานที่และเวลาการทำงานที่ยืดหยุ่นเท่านั้นที่พนักงานต้องการ ด้วยลักษณะนิสัยคน Gen Z ที่ชอบอัปเดตเทรนด์ตลอดเวลา จึงสนุกการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ องค์กรไหนที่มีเวิร์กช็อป มีการศึกษาดูงาน มีจัดอบรม เพื่อเพิ่มทักษะในการทำงานให้พนักงานจะช่วยมัดใจพนักงาน ลดอัตราการลาออกได้ เพราะพนักงานจะรู้สึกว่าองค์กรให้ความสำคัญ และพวกเขาก็ได้ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับงานของตัวเอง ได้ประโยชน์แบบวินวินทั้งคู่
เปิดพื้นที่แสดงออกความสามารถ

Gen Z ต้องการองค์กรที่มีพื้นที่ในการแสดงความคิดเห็น เปิดกว้างและรับฟังความเห็นที่แตกต่าง หยิบยื่นโอกาสให้โชว์ศักยภาพการทำงานแม้จะเป็นน้องใหม่ พิจารณาผลงานจากฝีมือจริงๆ ไม่ใช่ตามระบบอาวุโส เพื่อให้พวกเขาได้ปล่อย “ของ” กันอย่างเต็มที่

บางองค์กรเมื่อถึงเวลาทำงานแคมเปญโฆษณา ได้เลือกใช้วิธีให้พนักงานทำผลงานประกวดกัน ใครชนะก็ได้รางวัลและผลงานได้รับเลือกให้เสนองานลูกค้า นอกจากผลตอบแทนที่พนักงานจะได้รับ ยังเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ในองค์กร ลดช่องว่างระหว่างวัยในการทำงานด้วย


องค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี


ชาว Gen Z มักจะถูกใจองค์กรที่ใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือหลักในการสื่อสาร เพราะเป็นตัว “ เร่ง” การทำงานให้สะดวกรวดเร็วขึ้น ถ้าองค์กรไหนออกแบบแอปพลิเคชั่นให้พนักงานสามารถทำงานบนระบบออนไลน์ได้แม้อยู่นอกออฟฟิศ ลดงานเอกสารลง ใช้ทรัพยากรกระดาษให้น้อยที่สุดให้อยู่ในรูปแบบของ ดิจิทัล หรือการประชุมแบบ Video Conference ที่ประหยัดค่าเดินทางและเวลา ก็จะดึงดูดให้ชาว Gen Z อยากร่วมงานด้วยได้ไม่ยาก
โดยปัจจัยเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า สวัสดิการและคุณภาพชีวิตที่องค์กรมอบให้กับพนักงานนั้น ได้กลายเป็นแรงจูงใจหลักที่ทำให้กลุ่มคนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วย รวมไปถึงบริษัทที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากร มีธรรมาภิบาล ก็จะทำให้ช่วยมัดใจพนักงานให้ผูกพันกับองค์กรมากขึ้นด้วย

 

10 อาชีพคนรุ่นใหม่อยากทำงาน


ในฝั่งของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยก็ได้เผยผลสำรวจถึง 10 อาชีพในฝันของเด็กรุ่นใหม่ ในปี 2567 จากการเก็บข้อมูลกลุ่มตัวอย่าง 802 คน อายุตั้งแต่ 12 ถึง 23 ปี พบว่าอาชีพในฝัน
อันดับ 1 ได้แก่ ครู อาจารย์ และ ติวเตอร์
อันดับ 2 ได้แก่ ประกอบธุรกิจส่วนตัว เป็นเจ้านายตัวเอง
อันดับ 3 ได้แก่ หมอ แพทย์ พยาบาล
อันดับ 4 ได้แก่ อินฟลูเอนเซอร์ สตรีมเมอร์ ยูทูบเบอร์
อันดับ 5 ได้แก่ นักออกแบบกราฟิก
อันดับ 6 ได้แก่ ทนายความ อัยการ
อันดับ 7 ได้แก่ งานด้านต่างประเทศ
อันดับ 8 ได้แก่ ศิลปิน และนักตัดต่อ Editor
อันดับ 9 ได้แก่ นักบิน แอร์โฮสเตส
อันดับ 10 ได้แก่ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ข้าราชการทั่วไป
โดยผลสำรวจก็ไม่ได้เป็นที่น่าแปลกใจเท่าไหร่นักเมื่ออาชีพที่มีความอิสระในการใช้ชีวิตอย่างเช่น อาชีพติวเตอร์, ธุรกิจส่วนตัว, อินฟลูเอนเซอร์, สตรีมเมอร์, ยูทูปเบอร์ และศิลปินจะอยู่ใน 10 อันดับของผลสำรวจ

เห็นได้ชัดว่าอาชีพที่คนยุคใหม่จำนวนหนึ่งใฝ่ฝันคืออาชีพที่มีความอิสระในตัวเอง ไม่ต้องเป็นลูกจ้างใคร มีความเปิดกว้างทางความคิด ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับสมดุลในการใช้ชีวิตทั้งในส่วนของการทำงานและชีวิตส่วนตัว

 

ขึ้นตำแหน่งเงินเดือนสูงไม่มีค่า
หากแลกด้วยเวลาส่วนตัวที่หายไป

และผลสำรวจจากบริษัทจัดหางาน ไมเคิล เพจ ประเทศไทย (Michael Page Thailand) เปิดเผยว่า มีลูกจ้างในประเทศไทยมากถึง 69% "ยอมไม่ขึ้นเงินเดือน" และ "ยอมไม่เลื่อนตำแหน่ง" เพื่อแลกกับการมีสมดุลชีวิตในการทำงาน หรือ Work-Life Balance และอีก 33% ของผู้เข้าสัมภาษณ์งาน ล้มเลิกความตั้งใจคว้าโอกาสในการทำงาน หากบริษัทแห่งนั้นไม่ใส่ใจเรื่อง "นโยบายด้าน DE&I" (Diversity and Inclusion) หรือ ความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วม

สวอนเอสเตท
ผุดบ้านตอบโจทย์ คนรุ่นใหม่
มองหาบ้านพื้นที่จัดสมดุลชีวิต

ในส่วนของคอนโดมิเนียมและอสังหาริมทรัพย์ นายเทธดา อุชุปาละนันท์ กรรมการผู้บริหาร บริษัท สวอน เอสเตท จำกัด กล่าวถึงแนวโน้มการซื้อที่อยู่อาศัยในยุคปัจจุบันว่า ผู้บริโภครุ่นใหม่ไม่ได้มองการซื้อบ้านเป็นเพียงค่าใช้จ่ายในการดำเนินชีวิต แต่มองเป็นปัจจัยเพื่อการออมเงินและการลงทุนมากกว่า


ดังนั้น เทรนด์การซื้อบ้านในปัจจุบันและอนาคตภาพรวม คือ ‘การซื้อที่อยู่อาศัยที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย และมีความคล่องตัวในการซื้อขาย’ จึงมีความสำคัญมากที่โครงการจะต้องเข้าใจในสิ่งที่ผู้บริโภครุ่นใหม่ต้องการ นั่นคือตอบโจทย์ความสมดุลของชีวิตที่ทำงานหนักแต่ก็ให้ความสำคัญกับการพักผ่อน กลุ่มนี้จึงไม่ลังเลที่จะให้รางวัลเรื่องบ้านกับตัวเอง แต่ต้องเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า แม้ราคาสูงแต่หากทำให้เกิดผลสำเร็จในแผนการดำเนินชีวิตระยะยาวก็พร้อมจะตัดสินใจทันที


โดยเมื่อนำเอาเทรนด์การซื้อบ้านมาผนวกกับกลยุทธ์การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทฯ ได้ทำให้ คุณเทธดา เปิดโครงการใหม่ในชื่อ ‘ชญาดา บิซ เพลส’ (Chayada Biz Place) ขึ้นมา โดยมุ่งเน้นลูกค้าหลักที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่มีความรู้ความชำนาญ สนใจในการทำงานหรือบริหารธุรกิจได้ด้วยตัวเอง พร้อมมีความฝันที่จะเป็นเจ้านายตัวเอง ผ่านที่อยู่อาศัยที่มีรูปแบบและทำเลที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตและการเริ่มต้นธุรกิจ เพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าให้ไปได้ไกลถึงเป้าหมาย

โดยมีแนวคิดหลักคือ ‘พึงพอใจในยามซื้อ มีความสุขในยามอยู่อาศัย และมีความสบายใจในยามต้องขาย’ จึงมีจุดเริ่มต้นพัฒนาขึ้นด้วยบรรยากาศภูมิทัศน์ธรรมชาติ Panoramic Gaden View ที่กว้างสุดสายตา และตอบโจทย์ความสะดวกสบายด้วยทำเลใกล้ห้างสรรพสินค้า ในย่านศรีนครินทร์-อ่อนนุช ทำให้มีราคาที่ตอบโจทย์ต่อทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย หากมีความจำเป็นต้องขายบ้าน ก็สามารถขายได้ทันที รองรับต่อความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจได้แบบครอบคลุม


เป็นอีกหนึ่งแง่คิดจากผู้ประกอบการด้านอสังหาฯที่คำนึงถึงโครงการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ทั้งในด้านความสะดวกสบาย ความเป็นอิสระ พื้นที่สีเขียว ก็ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญ ยกระดับคุณภาพชีวิตไปพร้อมๆกันในทุกภาคส่วนให้สมกับวลี “Work-Life Balance” ที่เหล่าคนยุคใหม่ใฝ่ฝันหา

 


อ้างอิง : https://l1nq.com/trut1
           https://encr.pw/IsD9r
           https://acesse.dev/zeMMs

Tag :