เชื่อแล้วว่าป้องกันได้จริง! รัฐบาลอังกฤษเข้มป้องกันโควิด-19 ประกาศบังคับประชาชนสวมหน้ากากอนามัยเข้าร้านค้า ใครฝ่าฝืนเจอปรับ 4,000 บาท

จากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สำหรับประเทศไทย มีการขอความร่วมมือให้สวมหน้ากากอนามัยเพื่อการป้องกันตัวเองในเบื้องต้นมาโดย ซึ่งต่างจากชาวตะวันตกที่ไม่ใส่ใจในเรื่องนี้มากนัก โดยมองว่าผู้ที่จะใส่หน้ากากต้องเป็น “คนป่วย” เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ศูนย์กลางการแพร่ระบาดเปลี่ยนจากเอเชียไปเป็นฟากตะวันตก ทั้งฝั่งยุโรปและสหรัฐอเมริการมีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก ทำให้ล่าสุดแนวคิดเดิมเรื่องคนป่วยเท่านั้นที่ต้องใส่หน้ากากเปลี่ยนไป ที่เห็นชัดเจนล่าสุดคือกรณีของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ปรากฏพร้อมกับแมสก์ครอบปากเป็นครั้งแรก โดยมีรายงานตามมาว่าที่ทรัมป์ยอมเสียฟอร์ม ก็เพื่อเป็นการสร้างแบบอย่างให้ชาวอเมริกันได้หันมาป้องกันตัวเองด้วยวิธีนี้มากขึ้น

ขณะที่ฝั่งประเทศอังกฤษก็ตื่นตัวกับเรื่องนี้เช่นกัน เมื่อรัฐบาลสหราชอาณาจักรได้ประกาศข้อบังคับให้ประชาชนสวมสิ่งปิดคลุมใบหน้า ขณะอยู่ในร้านค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตในอังกฤษ เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.เป็นต้นไป โดยผู้ฝ่าฝืนกฎระเบียบใหม่จะถูกปรับเงินสูงสุด 100 ปอนด์ (ราว 3,900 บาท)

โดยรัฐบาลสหราชอาณาจักร ระบุว่า พบข้อยืนยันจำนวนมากว่าการสวมสิ่งปิดคลุมใบหน้าในพื้นที่ปิด จะช่วยปกป้องบุคคลและผู้คนรอบข้างจากการติดโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้

สอดคล้องกับการที่ประชาชนในอังกฤษ สกอตแลนด์ และเวลส์ เริ่มหันมาสวมสิ่งปิดคลุมใบหน้าเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากทัศนคติต่อการสวมหน้ากากอนามัยที่เปลี่ยนไปทั่วโลก โดยผลสำรวจจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของสหราชอาณาจักร (ONS) ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนกรกฎาคม พบว่าผู้ใหญ่เกินครึ่งสวมสิ่งปิดคลุมใบหน้าขณะอยู่นอกบ้าน

ทั้งนี้ รัฐบาลสหราชอาณาจักรแนะนำให้ประชาชนสวมสิ่งปิดคลุมใบหน้าในพื้นที่สาธารณะแบบปิดตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม ก่อนจะถูกเปลี่ยนเป็นข้อบังคับสวมสิ่งปิดคลุมใบหน้าขณะอยู่ในระบบขนส่งสาธารณะของอังกฤษและสถานให้บริการระบบบริการสุขภาพแห่งชาติ (NHS) ทั่วสหราชอาณาจักร ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

ที่มา : สำนักข่าวซินหัว

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ

จีนใจถึง! ให้หยุด 2.5 วัน/สัปดาห์ ลดเครียดพนักงาน กระตุ้นท่องเที่ยว

สธ.ย้าย "หัวหน้าด่านคุมโรคสนามบินอู่ตะเภา" เหตุปมทหารอียิปต์ติดโควิด-19