“อนุสรณ์” ห่วง ตลาดการเงินผันผวนสูง หากรัฐยังใช้กำลังสลายม็อบ

by ThaiQuote, 18 ตุลาคม 2563

นายอนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย และ อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม. รังสิต เปิดเผยว่า การลงทุนในตลาดการเงินและค่าเงินบาทจะมีความผันผวนอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เหลือของปีจากปัจจัยทางการเมืองภายในประเทศ

สำหรับปัจจัยภายนอกนั้น ผลของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาจะกำหนดทิศทางตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลก หาก “โจ ไบเดน” ชนะเลือกตั้งทั่วไปประธานาธิบดีสหรัฐฯในวันที่ 3 พ.ย. นี้ ส่งผลต่อตลาดการเงินและเศรษฐกิจในทางบวก และ เกิดผลดีต่อเศรษฐกิจและตลาดการเงินของไทยด้วย

แต่ยังมีความเสี่ยงที่กลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีทรัมป์อาจไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งและทำให้การประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการต้องยืดเยื้อออกไป หากเกิดความวุ่นวายในการยอมรับผลการเลือกตั้งจะทำให้ตลาดการเงินโลกในช่วงเดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคมผันผวนปั่นป่วนได้ กระแสเงินทุนอาจไหลออกจากตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทางการเงิน เช่น ตลาดหุ้น ตลาดตราสารอนุพันธ์ต่างๆ มากขึ้น

โดยหากมีความวุ่นวายในเรื่องผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ตลาดทองคำ ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ รวมทั้ง ตลาดตราสารหนี้พันธบัตรอาจกลับมาได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น และ ทิศทางราคาทองคำอาจกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้งหนึ่งหากมีความวุ่นวายหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ

ในส่วนสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศไทยขณะนี้ การกระเตื้องขึ้นของเศรษฐกิจช่วงสองเดือนสุดท้ายจะสะดุดลงอย่างรุนแรงด้วยการประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน และ การใช้กำลังสลายการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยอันสงบ (หากเกิดขึ้นอีก) หรือ การเข้าจับกุมแกนนำผู้ชุมนุมอย่างรุนแรงขัดต่อหลักการสิทธิมนุษยชนอย่างแจ้งชัด การลงทุนในตลาดการเงินและค่าเงินบาทจะมีความผันผวนอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เหลือของปี

ทั้งนี้การชุมนุมแบบ Flash mob ไม่ได้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจเลย เพราะไม่ยืดเยื้อ ไม่มีการปิดถนน ไม่มีการปิดสถานที่ราชการหรือย่านทางธุรกิจ เพียงมาแสดงจุดยืนทางการเมืองของประชาชนซึ่งส่วนใหญ่เป็นเยาวชนแล้วก็แยกย้ายกลับบ้านด้วยความสงบเรียบร้อย

แต่การปิดถนน ปิดการขนส่งสาธารณะ ปิดพื้นที่เกิดจากอำนาจของ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน การห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คนก็ได้รับการเตือนจากองค์การสหประชาชาติว่าละเมิดต่อหลักพื้นฐานทางด้านสิทธิมนุษยชนและไม่อาจบังคับใช้ได้จากการทำอารยะขัดขืนของมวลชนต่อการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม

ขณะเดียวกันรัฐบาล ควรเปิดการเจรจาหารือสานเสวนาเพื่อหาทางออกของบ้านเมืองร่วมกัน ผลกระทบทางเศรษฐกิจและภาคการลงทุนจะลดลงทันที เนื่องจากศักยภาพและปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจไทยนั้นมีจุดแข็ง คือ เป็นประเทศที่มีการติดเชื้อ โควิด-19 ต่ำมาก และ จะมีโอกาสทางเศรษฐกิจและการลงทุนอีกมากในอนาคต หากเราสามารถร่วมกันเปลี่ยนผ่านจาก ระบอบ คสช. หรือ ระบอบกึ่งเผด็จการ สู่ระบอบประชาธิปไตยอันมี “กษัตริย์” เป็นประมุข ได้อย่างสันติจะเป็นผลดีกับคนไทยทุกคน

อย่างไรก็ตาม รัฐบาล สมาชิกรัฐสภาทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล สมาชิกวุฒิสภา ผู้ชุมนุม ประชาชนทุกคน สามารถร่วมกันผลักดันให้เกิดการประชุมวิสามัญและให้มีการผ่านร่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 6 ฉบับรวมทั้งร่างของ iLaw ในขั้นรับหลักการ แล้ว ให้มีการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ในวาระสามเปิดให้มีการเลือกตั้ง สสร เพื่อร่างรัฐธรรมนูญและวางกรอบยุทธศาสตร์รวมทั้งแนวทางการปฏิรูปประเทศ หลังจากนั้นจัดให้มีการทำประชามติ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ห้ามพลาด! โซนสถาบันการเงิน “Smart SME Expo 2020” จัดเต็มสินเชื่อวงเงินสูง ดอกต่ำ 0-4%