“ร่างพ.ร.บ.พืชกระท่อม” ปลดล็อกเกษตรกร จากนายทุน

by ThaiQuote, 13 สิงหาคม 2564

ความคืบหน้า ร่างพ.ร.บ.พืชกระท่อม เตรียมเข้าสู่สภาฯ คาดทันผลบังคับใช้ ทันวัน “ปลดล็อกพืชกระท่อม” 24 ส.ค.64 นี้ โดยร่างกฎหมายดังกล่าว เปิดให้ “คนธรรมดา” สามารถ ปลูก ผลิตเอง พืชกระท่อม ได้ไม่จำกัดจำนวนต้น และครอบครองพกพาเพื่อการบริโภค ซื้อขาย แปรรูปได้ทั้งใบสด และน้ำต้มใบกระท่อม แต่ต้องไม่มีส่วนผสมของสารเสพติดตามกฎหมายยาเสพติด

“สัณหพจน์ สุขศรีเมือง” ส.ส.เขต2 จ.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ และเลขานุการ กมธ.ร่างพ.ร.บ. พืชกระท่อม กล่าวว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ ต้องการให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด เป็น “กฎหมายเพื่อประชาชน”

นอกจาก ปลูก และบริโภค แล้วประชาชนยังสามารถจำหน่าย และส่งออกได้เอง โดย “การขอใบอนุญาต” ที่มีค่าธรรมเนียมการขอใบอนุญาตในราคาที่ชาวบ้านเข้าถึง (คาดว่าประมาณ 5,000 บาท) ทะลายระบบการค้าแบบผูกขาดโดยบริษัทใหญ่เพียงไม่กี่ราย



โดยมีข้อห้ามและโทษที่ชัดเจนคือ 1.ห้ามจำหน่ายใบกระท่อม หรือน้ำต้มใบกระท่อม ให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี หญิงมีครรภ์ หญิงให้นมบุตร ฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท และห้ามจูงใจ ยุยง ส่งเสริม หรือข่มขู่บุคคลเหล่านี้ เพื่อให้บริโภค ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2.ห้ามจำหน่ายในสถานที่ศึกษา หอพัก สวนสาธารณะ ฯลฯ มีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท

3.ห้ามจำหน่ายหรือโฆษณาใบกระท่อม หรือน้ำต้มใบกระท่อม ที่มีส่วนผสมของสารเสพติดตามกฎหมายยาเสพติด โดยมีโทษจำคุก 2ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งห้ามบริโภค ยกเว้นเพื่อรักษาโรคตามที่แพทย์กำหนด หรือเพื่อการศึกษาของหน่วยงานต่างๆตามที่ได้รับอนุญาต ฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท

เมื่อกระท่อม ไม่ผิดกฎหมายแล้ว จะมีฐานะเหมือนกับพืชเกษตรหลัก 5 ชนิด ทั้งปาล์มน้ำมัน ยางพารา อ้อย มันสำปะหลัง และข้าวโพด ที่สามารถส่งเสริมให้เป็นพืชเศรษฐกิจได้



กระท่อม มีตลาดหลักในสหรัฐฯ และยุโรป โดยเฉพาะสหรัฐฯ มีมูลค่าของตลาดมากกว่า 37,044 ล้านบาท และมีโอกาสเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงระหว่างปี 2564-2571 ซึ่งส่วนใหญ่บริโภคเป็นรูปแบบ ผลิตภัณฑ์ชงชา และแคปซูล ใช้ในทางการแพทย์ ยาสมุนไพร และอาหารเสริม ที่ช่วยบรรเทาอาการปวดเรื้อรัง คลายอาการวิตกกังวล ที่สำคัญคือใช้เป็น “ยาถอนฝิ่น”

และพบว่ามีคู่แข่งในตลาดหลักเพียงแค่ อินโดนีเซียและมาเลเซียเท่านั้น ซึ่งจากข้อมูลพบว่า กระท่อมของไทยนั้นมีคุณภาพและประสิทธิภาพทางการแพทย์ที่ดีกว่าของทั้ง 2 ประเทศ

“ร่างกฎหมายกระท่อม มีหัวใจสำคัญคือ ตัดระบบนายทุนออก ให้ชาวบ้านเข้าถึงได้ สามารถรวมกลุ่มสหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน หรือเป็นรายบุคคลเพื่อจำหน่าย และส่งออกเองได้ จากการกฎหมาย “กัญชา” ซึ่งเกษตรกร ชาวบ้านทั่วไปเข้าไม่ถึง หรือเข้าถึง แต่ไม่สามารถที่จะใช้ผลผลิตได้เต็มศักยภาพ ในการสร้างรายได้ ดังนั้น ร่างพ.ร.บ.กระท่อมฉบับนี้ จึงถือเป็นกฎหมายที่มาจาก วิถีชาวบ้าน ความต้องการของประชาชน โดยมีประชาชนเป็นผู้ได้ประโยชน์สูงสุดอย่างแท้จริง” “สัณหพจน์” กล่าว

 

เรื่องที่น่าสนใจ

WHO ประกาศแผนระดมนักวิจัย 52 ประเทศ ทดสอบยารักษาโควิดเพิ่ม 3 ชนิด