เปิดผลวิจัย “บาร์เรน” ฉีดวัคซีนโควิด “แอสตร้าฯ” ช่วยลดอัตรากรตายเหลือ 0.03%

by ThaiQuote, 27 สิงหาคม 2564

หมอเฉลิมชัย เปิดผลวิจัย “บาร์เรน” เผยฉีดวัคซีนโควิด ช่วยลดอัตราการตายได้มากกว่าไม่ฉีด โดยเฉพาะ “แอสตร้า” ช่วยลดการตายมากถึง 0.03% ขณะที่ไฟเซอร์ อยู่ที่ 0.15% และซิโนฟาร์ม 0.46%

นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ข้อความใน blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยระบุว่า

ฉีดวัคซีนดีกว่าไม่ฉีดอย่างชัดเจน รายงานการศึกษาที่ ประเทศบาห์เรน เปรียบเทียบประสิทธิผล 4 วัคซีน ไฟเซอร์ (Pfizer ) แอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) สปุตนิก วี (Sputnik V) และ ซิโนฟาร์ม (Sinopharm)

จากการที่พบ ไวรัสกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ต่างๆหลากหลาย ทำให้เกิดคำถามถึงประสิทธิผลของวัคซีน ซึ่งได้รับการพัฒนาไว้สำหรับต่อสู้ไวรัสสายพันธุ์เดิมจากอู่ฮั่นว่าจะมีประสิทธิผลในโลกแห่งความเป็นจริง (Real world) เมื่อพบกับไวรัสกลายพันธุ์ เช่น สายพันธุ์เดลตามากน้อยอย่างไร ใน 4 มิติ คือ 1.การติดเชื้อ 2.ป่วยมีอาการ จนต้องนอนรพ. 3.ป่วยหนักเข้าไอซียู และ4.การเสียชีวิต

รายงานการศึกษา ที่ทยอยออกมาเป็นระยะ ยังตอบคำถามได้ไม่เต็มที่นัก เนื่องจากมักจะเป็นรายงานการศึกษาของวัคซีนแต่ละชนิดว่ามีประสิทธิผล(Effectiveness) ในโลกแห่งความเป็นจริง ที่ประเทศใดประเทศหนึ่ง ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง และไวรัสชนิดใดชนิดหนึ่งเท่านั้น

รายงานการศึกษาครั้งนี้ ที่บาห์เรน ได้แก้ปัญหาจุดอ่อนดังกล่าวโดยศึกษาเปรียบเทียบ การฉีดวัคซีนถึง 4 ชนิด ในประชากรของบาห์เรนในห้วงเวลาเดียวกัน ที่มีไวรัสชนิดเดียวกัน และดูในกลุ่มประชากรที่อายุใกล้เคียงกัน

ผลที่น่าสนใจคือ กลุ่มที่ฉีดวัคซีนไม่ว่าจะเป็นชนิดใดใน 4 ชนิด ล้วนมีประโยชน์หรือมีประสิทธิผลในทุกมิติเหนือกว่ากลุ่มที่ไม่ฉีดวัคซีนอย่างชัดเจน

ส่วนการเปรียบเทียบในรายละเอียดระหว่าง 4 วัคซีนกันเอง จากวัคซีนสองชนิดที่พอจะเปรียบเทียบกันได้ เพราะมีจำนวนผู้ที่ได้รับวัคซีน และช่วงเวลาที่เหมาะสมคือ ซิโนฟาร์ม และ ไฟเซอร์ พบว่า วัคซีน ไฟเซอร์ มีประสิทธิผลเหนือกว่า ซิโนฟาร์ม โดยมีรายละเอียดดังนี้

1.การเก็บสถิติ รวบรวมที่ประเทศบาห์เรน ซึ่งมีประชากร 1.5 ล้านคนและมีการฉีดวัคซีนไปแล้ว 1 ล้านคน

2.ติดตามการฉีดวัคซีน 4 ชนิด ได้แก่ 1)ไฟเซอร์ 2)แอสตร้าเซนเนก้า 3)สปุตนิก วี 4)ซิโนฟาร์ม โดยการติดตามนั้น จะดูผลลัพธ์ 4 มิติด้วยกัน ได้แก่ 1.อัตราการติดเชื้อ 2.ป่วยมีอาการจนต้องนอนรพ. 3.ป่วยอาการหนักต้องเข้าไอซียู 4.อัตราการเสียชีวิต

พบว่าในช่วงวันที่ 9 ธ.ค.63 ถึง 17 ก.ค.64 มีผู้ได้รับวัคซีนซิโนฟาร์ม จำนวน569,054 ราย สปุตนิก วี จำนวน 184,526 ราย
แอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 73,765 ราย และไฟเซอร์ จำนวน 169,058 ราย

พบว่าอายุเฉลี่ยในแต่ละกลุ่มวัคซีนใกล้เคียงกันคือ 35-39 ปี ประชากรที่รับวัคซีนส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย และไวรัสสายพันธุ์ที่เด่นเป็นหลัก ได้แก่สายพันธุ์เดลตา โดยจากการติดตามข้อมูลพบว่า มีผู้ติดเชื้อโดยวิธีทดสอบ PCR 180,840 ราย มีอาการต้องเข้ารพ. 13,105 ราย อาการหนักเข้าไอซียู 1636 ราย และเสียชีวิตทั้งสิ้น 1030 ราย

เมื่อดูสถิติการเสียชีวิตพบว่า กลุ่มที่ฉีดวัคซีนทุกชนิด มีอัตราการเสียชีวิตน้อยกว่ากลุ่มไม่ฉีดวัคซีนอย่างมีนัยสำคัญ แต่ถ้าดูอัตราการเสียชีวิตในกลุ่มฉีดวัคซีนแล้ว พบว่ามีอัตราการเสียชีวิตดังนี้ ซิโนฟาร์ม 0.46% ไฟเซอร์ 0.15% แอสตร้าฯ 0.03%

ในขณะเดียวกัน เมื่อดูสถิติตัวอื่นทั้งเรื่องการติดเชื้อ การต้องนอนโรงพยาบาล และการป่วยหนักเข้าไอซียูก็มีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม การศึกษาครั้งนี้มีข้อจำกัด คือ 1.เรื่องจำนวนผู้ฉีดวัคซีนแต่ละชนิดไม่เท่ากัน แต่แก้ไขโดยการปรับเป็นสัดส่วนและสถิติทางระบาดวิทยาเพื่อลดข้อจำกัดดังกล่าว

2.เริ่มฉีดวัคซีนแต่ละชนิดไม่พร้อมกัน ได้แก้ไขโดยการตัดกลุ่มประชากรที่ฉีดวัคซีนบางชนิดเร็วเกินไปออก เทียบกันเฉพาะในช่วงเวลาที่ฉีดวัคซีนใกล้เคียงกัน และพบไวรัสเดลตาเหมือนกัน

รายงานนี้จึงสรุปได้ว่า 1.วัคซีนทั้ง 4 ชนิดได้ผลดีเหนือกว่ากลุ่มไม่ฉีดวัคซีนในทุกมิติ ทั้งอัตราการติดเชื้อ การป่วยเข้าโรงพยาบาล การป่วยหนักเข้าไอซียู และการเสียชีวิต
2.วัคซีนคู่ที่เทียบกันได้ทางสถิติคือ ไฟเซอร์ กับ ซิโนฟาร์ม พบว่า ไฟเซอร์ มีประสิทธิผลเหนือกว่าทั้ง 4 มิติ
3.วัคซีนของ แอสตร้าเซนเนก้า ดูจะมีบางมิติที่เหนือกว่า ไฟเซอร์ และบางมิติที่พอๆกัน แต่การเปรียบเทียบยังทำได้ไม่ชัดเจน

 

เรื่องที่น่าสนใจ

ราชกิจจาฯ ประกาศ ปลดล็อก ม.ธรรมศาสตร์ นำเข้ายา-วัคซีนโควิด ได้โดยตรง