“อนุสรณ์” เสนอรัฐ ลดหนี้กยศ. เด็กจบใหม่ ไม่มีงานทำ ช่วงวิกฤตโควิด

by ThaiQuote, 30 สิงหาคม 2564

“อนุสรณ์ ธรรมใจ” เสนอรัฐบาล ช่วยเด็กจบใหม่ปี 63-65 ลดหนี้กยศ. เหตุอัตราว่างงานเพิ่ม หนี้ครัวเรือนสูง เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นจากวิกฤตโควิด

รศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสภาการศึกษาแห่งชาติ และ อดีตรองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการทางวิชาการ ม. รังสิต เปิดเผยว่า แม้การคลายล็อกดาวน์ ในวันที่ 1ก.ย.64 จะทำให้เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้นในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปีนี้ แต่ไม่ได้ทำให้สถานการณ์การว่างงาน นักศึกษาจบใหม่ดีขึ้น

ดังนั้นจึงขอเสนอให้มีการลดหนี้ กยศ. ลง 10-30% สำหรับ นักศึกษาจบใหม่ในปี พ.ศ. 2563-2565 ขณะที่จำนวนผู้ว่างงานโดยเฉพาะบรรดาแรงงานนักศึกษาจบใหม่ที่เข้าสู่ตลาดแรงงานในช่วงวิกฤตการณ์โควิดสะสมอยู่ที่ 3-3.5 แสนคนเป็นอย่างน้อย

ผู้ว่างงานและว่างงานแฝงโดยรวมไม่ต่ำกว่า 1.2 ล้านคน อัตราการว่างงานโดยรวมดีขึ้นเล็กน้อยในไตรมาสที่ 2 เมื่อเทียบกับไตมาส 2 ปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ว่างงานบวกว่างงานแฝงและทำงานต่ำระดับสะสมยังเพิ่มต่อเนื่อง

ทั้งนี้ต้องเข้าใจว่า คำนิยามของการว่างงาน คือ ทำงานน้อยกว่าสัปดาห์ละ 1 ชม. แต่มีคนจำนวนมากทำงานไม่ถึง 10 ชม.ต่อสัปดาห์ ซึ่งหากพิจารณาตามคำนิยามคือ ไม่ถือเป็นคนว่างงานแต่เป็นผู้ว่างงานแฝงเท่านั้น

โดยสภาวะความเป็นจริงแห่งการดำรงชีพ คนเหล่านี้เป็นผู้มีรายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพและดูแลครอบครัวแล้วจึงไม่ต้องแปลกใจว่า ทำไมหนี้ครัวเรือนขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 90.5% ต่อจีดีพี และหนี้เหล่านี้ยังไม่นับรวมหนี้นอกระบบสถาบันการเงิน โดยเฉลี่ย กำลังแรงงาน

นอกจากนี้สถานการณ์การว่างงานยังทำให้กองทุนประกันสังคมมีเงินไหลออกมากกว่าปกติ จากกองทุนประกันการว่างงาน มีการใช้ประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานด้วยเหตุสุดวิสัยมากกว่าสถานการณ์ปกติมาก ความมั่นคงทางการเงินของกองทุนประกันสังคมในระยะยาวจึงเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่รัฐบาลต้องเอาใจใส่

ขณะเดียวกันพบว่า ผู้เรียนที่มีศักยภาพและความสามารถในการเรียน แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ขาดแคลนรายได้อันเป็นผลจากการล็อกดาวน์

ดังนั้น รัฐต้องจัด “ทุนการศึกษา” ช่วยเหลือให้ได้ 100% โดยต้องไม่ให้ “เด็กคนไหน” ตกออกจากปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจโควิด ด้วยการช่วยเหลือผ่านกองทุนเงินให้เปล่า ไม่ต้องกู้ยืม ทุนการศึกษาเหล่านี้ต้องครอบคลุมค่าเล่าเรียน ค่าธรรมเนียมการเรียน ค่าบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกรวมทั้งค่าใช้จ่ายในการครองชีพระหว่างเรียน การเสียชีวิตของคนจำนวนไม่น้อยจากติดเชื้อไวรัสโควิดทำให้มีเด็กกำพร้าเพิ่มขึ้นจำนวนมาก

รวมทั้ง เสนอให้จัดสรรงบเพิ่มเติมไปยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทั้งของหน่วยราชการ มูลนิธิและเอกชนทั้งหลายเพิ่มเติม เนื่องจากมีเด็กกำพร้าจำนวนไม่น้อยไม่มีญาติเลี้ยงดูหลังบิดามารดาเสียชีวิตกะทันหัน ในหลายกรณีเป็นการเสียชีวิตทั้งครอบครัว นอกจากนี้การช่วยเหลือควรครอบคลุมไปถึงแรงงานต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทยด้วย

“การล็อกดาวน์” โดย “การปิดสถานศึกษา” เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิดในหมู่บุคลากรทางการศึกษา รัฐมีหน้าที่แก้ไขปัญหาและรัฐบาลต้องจัดการให้ พลเมืองทุกคนให้รับการศึกษาที่มีคุณภาพและมาตรฐาน สามารถพัฒนาขีดความสามารถที่มีอยู่ในตัวตนของแต่ละบุคคลให้เต็มศักยภาพ จากการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคม เพื่อยกฐานะและชนชั้นในสังคมให้ทุกๆครอบครัวมีโอกาสที่ดีขึ้นผ่านการศึกษา อันนำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำในการกระจายรายได้ซึ่งเป็นปัญหารุนแรงมากขึ้นในช่วงวิกฤตการณ์โควิด

 

เรื่องที่น่าสนใจ

สรรพากร แจง ส่งแบบประเมิน แม่ค้าออนไลน์ “คนละครึ่ง” แค่สำรวจรายได้ ไม่ได้เก็บภาษีย้อนหลัง