“ท่องเที่ยวไทย”หืดขึ้นคอ แต่ต้องไปต่อ วอนรัฐเปิดประเทศแบบไม่มีเงื่อนไข จะเป็นทางรอดให้ทยอยฟื้นตัว

by วันทนา อรรถสถาวร , 12 มีนาคม 2565

สัมภาษณ์พิเศษ “ชำนาญ ศรีสวัสดิ์” ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สะท้อนผลกระทบของธุรกิจท่องเที่ยวไทยทั้งการระบาดของโควิด-19 แล้วซ้ำด้วยสงครามรัสเซีย-ยูเครน หืดขึ้นคอ แต่ก็ต้องไปต่อ

 

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย นับเป็นอุตสาหกรรมที่นำรายได้เข้าสู่ประเทศในระดับต้น ๆ และเป็นธุรกิจที่มีเครือข่ายซัพพลายเชนทั้งยาวและลึก ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมาได้รับผลกระทบอย่างแรงจากการระบาดของโควิด-19 ซึ่งวิกฤตนี้ยังไม่ทุเลา ก็ต้องมาเผชิญกับวิกฤตสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ราคาน้ำมันสูง เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยวไทย

Thaiquote ได้สัมภาษณ์พิเศษ คุณชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อสะท้อนถึงผลกระทบของธุรกิจท่องเที่ยวไทย และโอกาสการปรับตัวในอนาคต

 

 

สงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยวไทยหรือไม่ อย่างไร

สงครามครั้งนี้ยากที่จะประเมินว่าจะยืดเยื้อหรือไม่ ถ้าจบเร็วทุกสิ่งทุกอย่างก็ง่ายขึ้น แต่ถ้ายืดเยื้อก็จะมีปัญหาระยะยาวหลายด้านเกิดขึ้น เช่น ต้นทุนราคาน้ำมัน ก๊าซที่แพงขึ้น แม้ว่าสงครามครั้งนี้จะจบด้วยเร็วก็ส่งผลกระทบต่อภาพรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาพลังงานคงไม่ได้ลดลงได้อย่างง่ายดาย และกลับมาจุดเดิมได้ นอกจากนี้แรงสนับสนุนด้านพลังงานคงมีข้อจำกัด ทำให้สินค้าอุปโภค บริโภคเพิ่มสูงขึ้น กระทบกับความสามารถด้านการใช้จ่าย ค่าครองชีพสูงขึ้น

ด้านการท่องเที่ยวของไทย เรามีผลกระทบเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวรัสเซียเท่านั้น ส่วนประเทศอื่น ๆ ไม่มีปัญหา แต่ปัญหาสำหรับตลาดการท่องเที่ยวคือ ราคาพลังงานทั่วโลกสูงขึ้น ต้นทุนด้านค่าใช้จ่ายทั่วโลกสูงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ซึ่งการท่องเที่ยวไม่ใช่ปัจจัยสำคัญสำหรับการครองชีพ ตรงนี้ทำให้นักท่องเที่ยวชะลอแผนการเดินทางการท่องเที่ยวมากพอสมควร

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเผชิญกับปัญหา 2 ด้าน ด้านแรกเรื่องของโควิด-19 ก็ยังไม่ซา แล้วยังมีภาวะสงครามที่ปาดังเข้ามา ราคาเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่เข้ามากระทบกับธุรกิจการท่องเที่ยว เท่ากับท่องเที่ยวเจอ 2 ผลกระทบหลัก สงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลกระทบกับตลาดยุโรปของเราทั้งหมด แต่เมื่อปัญหานี้เกิดขึ้นแล้ว เราก็ต้องสู้ต่อไป ก็คงหันมาหวังกับตลาดท่องเที่ยวภายในประเทศ และตลาดอื่นที่ไม่ใช่ยูเครนและรัสเซีย ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย

อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยยังพอมีความหวังหรือไม่ อย่างไร

สำหรับแขกประเทศอื่นที่ยังพอมีความหวังอยู่บ้าง ตลาดระยะไกล เช่น เยอรมัน อังกฤษ สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ไทยเปิดประเทศก็เดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก ขอเพียงแค่ประเทศเปิดได้ ตลาดพวกนี้จะเข้าสู่ประเทศเรามากขึ้น ยังไม่รวมตะวันออกกลาง ซึ่งก็เป็นตลาดใหญ่ของไทย

ส่วนตลาดเอเชียค่อนข้างทำยาก เพราะสภาพเศรษฐกิจและภูมิประเทศก็จะเหมือนกับไทย ยกเว้นจีนที่ก่อนหน้านี้เป็นลูกค้าของไทยถึง 1 ใน 3 แต่ปัจจุบันนี้ทางจีนไม่เหมือนเดิม คงต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่ ดูว่าจะย้อนกลับมาหรือไม่

 

 

ธุรกิจท่องเที่ยวไทยประสบกับปัญหาอะไรบ้าง

ไม่ว่าจะเป็นรายเล็กหรือรายใหญ่กระทบเหมือนกันหมด เพราะเป็นปัญหาวิกฤตระดับโลก นอกจากนี้ธุรกิจท่องเที่ยว รายเล็ก รายใหญ่ล้วนเอื้อกันหมด เพราะอุตสาหกรรมนี้มีซัพพลายเชนที่ใหญ่และยาวมาก ก่อนหน้านี้เป็นช่องทางหารายได้เข้าประเทศในระดับต้น ๆ

อย่างไรก็ตามหากจะพิจารณาให้ดี รายใหญ่จะกระทบมากกว่าเพราะมีลูกน้อง ทีมงานต้องรับผิดชอบ ในขณะที่รายเล็กส่วนใหญ่เป็นธุรกิจส่วนตัว มีทีมงานในการทำงานไม่มาก วิกฤตโควิด 2-3 ปีที่ผ่านมา ไม่รอดปิดกิจการไปมาก และต่างก็แยกย้ายไปทำธุรกิจอื่น หรือกลับบ้านที่ต่างจังหวัดไปทำเกษตร ดังนั้นรายใหญ่ รายเล็กมีการแก้ปัญหาที่ต่างกัน

ตลาดไหนยังพอมีศักยภาพบ้าง

สำหรับตลาดการท่องเที่ยวในประเทศศักยภาพอยู่ที่ข้าราชการประจำ พนักงานรัฐวิสาหกิจ การท่องเที่ยวไทยจะรอดได้ต้อง 3 เติมคือ 1.เติมทุนให้ผู้ประกอบการ 2. ต้องเติมลูกค้า เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกว่า 8,000 แห่ง สามารถเติมได้ 3-4 ล้านคน ข้าราชการเที่ยวช่วยชาติอีก 3-4 ล้านคน โครงการเราเที่ยวด้วยกัน 1-2 ล้านคน ให้แต่ละกลุ่มไปเที่ยว 2 ครั้งต่อปี เราก็สามารถ restart ธุรกิจได้ เพราะลูกค้ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีเงินเดือนประจำชัดเจน 3. เติมความรู้ เพื่อให้วงการท่องเที่ยวไทยสามารถปรับองคาพยพใหม่ ให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการท่องเที่ยวของลูกค้า เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เข้ามา โดยเฉพาะเทคโนโลยีด้านออนไลน์

การท่องเที่ยวยุคใหม่อาจต้องเน้นตลาดนักท่องเที่ยวสูงวัย ตลาดสุขภาพ ตลาดวัยเกษียณ การท่องเที่ยวที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ชุมชนเกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน เป้าหมายของเราคือต้องการที่จะพลิกฟื้นการท่องเที่ยว แต่ก็ต้องการให้เกิดการกระจายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ไม่ใช่กระจุกตัวอยู่เพียงบางท้องที่เท่านั้น

 

 

สิ่งที่ทางสมาคมต้องการการสนับสนุนมีอะไรบ้าง

สิ่งที่สมาคมการท่องเที่ยวไทยต้องการให้ทางรัฐบาลสนับสนุนคือ 1. เลื่อนการจัดเก็บภาษีต่าง ๆ ออกไป เพราะเรายังไม่ทันตั้งตัว 2. เปิดประเทศโดยไม่มีเงื่อนไข ใช้มาตรฐานเดียวกันกับประเทศในฝั่งยุโรปที่ไม่จำเป็นต้องตรวจ RT-PCR ตรวจเพียง ATK ถ้าไม่เป็นก็สามารถเข้าประเทศได้แล้ว เพราะถ้าเราเปิดประเทศโดยมีเงื่อนไขน้อย หรือไม่มีเงื่อนไขเลย จะเรียกนักท่องเที่ยวได้มากกว่า

ในความคิดเห็นของผมคิดว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวคงไม่เลวร้ายไปกว่านี้ เพราะหลายประเทศวัคซีนเต็มแขนแล้ว ประชากรไทยก็มีวัคซีน 2 เข็มกันเป็นส่วนใหญ่ กำลังเข้าสู่เข็มที่ 3 เข็มที่ 4 กันแล้ว แต่คงเป็นการเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป อย่างไรก็ตามทุกประเทศต้องเปิด รวมทั้งไทยเราด้วย ไม่เช่นนั้นเศรษฐกิจเดินหน้าไม่ได้

ตั้งแต่โควิด-19 ระบาดมา ต้นทุนด้านการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 30% เพราะต้องเว้นระยะห่าง ต้องตรวจ ATK แต่ถ้าประกาศเป็นโรคประจำถิ่น ปัญหาเหล่านี้ก็จะทุเลาลง ในระยะแรกนี้ก็ต้องตั้งการ์ดไว้สูงก่อน ต้นทุนเราก็ต้องมาก แต่ธุรกิจท่องเที่ยวของเราก็ยังไม่มีการปรับราคา ขณะนี้ราคาที่ขายกันอยู่ก็ถือว่าเป็นระดับที่ต่ำแล้ว ทุกคนทำเพื่อหวังรักษาตลาดไว้ก่อน

 

 

เมื่อไหร่ตลาดท่องเที่ยวไทยจะฟื้นตัว

ก่อนหน้านี้ที่มีปัจจัยเฉพาะโควิด-19 ทางการท่องเที่ยวคิดว่าประมาณไตรมาส 3 หรือ 4 น่าจะฟื้นคืนกลับมา แต่พอมาเจอสงครามยูเครนก็ทำให้เราประเมินยากขึ้น เพราะมีหลายเงื่อนไข หากไม่ยืดเยื้อ ราคาน้ำมันลดลง ก็เชื่อว่าจะเหมือนเดิมคือประมาณไตรมาส 3-4 น่าจะฟื้นตัวได้ แต่เนื่องจากทั้งโควิดและสงครามรัสเซีย-ยูเครนเป็นวิกฤตระดับโลก ทุกประเทศเผชิญเหมือนกันหมด ดังนั้นผมยังเชื่อมั่นว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะเป็นตัวพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย

ระหว่างที่รอการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว สิ่งที่คนในวงการต้องทำคือการซ่อม-สร้าง โดยเฉพาะเรื่องคน เป็นทรัพยากรที่ดีที่สุดที่เราต้องเพิ่มศักยภาพเขา ส่งเสริมเรื่องเทคโนโลยีเพื่อมาทำการตลาดยุคใหม่ ส่วนทรัพยากรด้านการท่องเที่ยว ส่วนที่เป็นธรรมชาติโดยภาพรวมมีการฟื้นตัว แต่โครงสร้าง สถานที่ต่าง ๆ ที่พัก ต้องได้รับการปรับปรุง ซ่อม สร้าง

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีจุดแข็งเรื่องการท่องเที่ยวอยู่แล้ว แต่เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่จุดด้อยของคนไทย แต่เกิดจากวิกฤตโลก สงครามและโรค ถ้าเราล้มแล้วลุกได้ไว ก็ไปได้ก่อน.