นายกฯ สั่งบัวแก้วประสานปท.เพื่อนบ้านลดเผา พร้อมดันแก้ PM2.5 สู่วาระอาเซียน

by ThaiQuote, 28 มีนาคม 2566

นายกฯมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ ประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน แก้ปัญหาฝุ่น PM2.5เป็นวาระอาเซียน ด้านปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผย หน่วยงานในสังกัดเฝ้าระวังสุขภาพประชาชนจากผลกระทบฝุ่น PM 2.5ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนและจังหวัดติดกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเข้มข้น

 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.ได้ติดตามความคืบหน้าการแก้ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งได้กำชับไปทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งติดตามแก้ไขปัญหา โดยได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ ประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน และได้ดำเนินการไปในระยะหนึ่งแล้ว โดยจะต้องขอความร่วมมือกันในระดับรัฐบาล เพราะยอมรับว่ารัฐบาลของแต่ละประเทศแตกต่างกัน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จุดความร้อน หรือ Hotspot เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ดังนั้นการจะดำเนินการอะไรต่างๆ ต้องมีความระมัดระวัง เพราะอาจจะเกิดผลกระทบกับหลายคน พร้อมเห็นว่าการแก้ปัญหาเรื่องนี้ควรจะต้องเป็นวาระอาเซียน เนื่องจากไทยมีข้อมูลอยู่แล้ว ว่าเกิดในประเทศเท่าไร และอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านเท่าไร ดังนั้นจะต้องมีการหารือร่วมกัน เพราะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมายาวนาน

"รัฐบาลพยายามแก้ปัญหาอย่างมากที่สุด ซึ่งการแก้ปัญหา ก็ได้กำชับทั้งในระดับพื้นที่และระดับส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่นให้ช่วยกันทั้งหมด ซึ่งสถานการณ์ล่าสุด ก็ถือว่าดีขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือที่ จุด Hotspot ลดลง แต่ทั้งนี้ก็ต้องขอความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านด้วย ที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม และ มีการเผาวัชพืชอยู่ จึงต้องขอความร่วมมือให้มากที่สุด แต่สิ่งสำคัญเกษตรกร คนไทย จะต้องช่วยเหลือกันให้มากกว่าเดิม ไม่ฉะนั้นจะส่งผลกระทบในด้านอื่นอีกด้วย ดังนั้นการจะทำสิ่งต่างๆ ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้อื่นด้วย" นายกรัฐมนตรี ระบุ

หน่วยงาน สธ. เข้มเฝ้าระวังสุขภาพประชาชนจากผลกระทบฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน

ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผย หน่วยงานในสังกัดเฝ้าระวังสุขภาพประชาชนจากผลกระทบฝุ่น PM 2.5ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนและจังหวัดติดกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเข้มข้น พร้อมสื่อสารความเสี่ยงและคำแนะนำสุขภาพต่อเนื่อง ด้านสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย ออกแนวทางปฏิบัติงาน ปรับระบบบริการ เพื่อลดการเดินทาง เตรียมสถานที่ทำห้องสะอาดเป็น Safety zone ให้เจ้าหน้าที่/ผู้รับบริการ สนับสนุนอุปกรณ์ป้องกันและสื่อสารคำแนะนำประชาชน

วันนี้ (28 มีนาคม 2566) นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ของประเทศไทยที่สูงเกินค่ามาตรฐานในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพในหลายพื้นที่ ว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่งได้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือตอนบน 17 จังหวัด และพื้นที่ที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน 6 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน และพิจารณาเปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขตามสถานการณ์ของแต่ละพื้นที่ พร้อมทั้งดำเนินงานตามแนวทาง “3 มาตรการ 10 กิจกรรมสำคัญ” ได้แก่ 1) มาตรการลดและป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฝ้าระวังสถานการณ์และแจ้งเตือนความเสี่ยงต่อสุขภาพ, เฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพ, ยกระดับการสื่อสารเชิงรุก, สร้างความรอบรู้และสร้างความเข้มแข็งของชุมชน 2) มาตรการจัดบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุข สนับสนุนอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลแก่กลุ่มเสี่ยง, เปิดคลินิกมลพิษ/จัดเตรียมห้องปลอดฝุ่น,จัดระบบปฏิบัติการเชิงรุก เพื่อดูแลประชาชน และ 3) เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ โดยมีระบบบัญชาการเหตุการณ์เมื่อเข้าสู่ระยะวิกฤต, ส่งเสริมและขับเคลื่อนกฎหมาย พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และ พ.ร.บ.ควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2562 และส่งเสริมองค์กรลดมลพิษ

นายแพทย์โอภาส กล่าวต่อว่า สำหรับจังหวัดเชียงราย ซึ่งขณะนี้สถานการณ์หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เกินค่ามาตรฐานและมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย ได้ออกประกาศแนวทางปฏิบัติงานในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤติฝุ่น PM 2.5 โดยให้สถานบริการในสังกัดปรับระบบบริการตามบริบทพื้นที่ เช่น เลื่อนนัดผู้ป่วยตามความเหมาะสม และจัดส่งยาให้ทางไปรษณีย์ เพื่อลดการเดินทาง, ให้การรักษาผ่านระบบ Telemedicine, จัดเตรียมสถานที่เป็นห้องสะอาด เพื่อเป็น Safety zone พื้นที่ปลอดฝุ่น สำหรับเจ้าหน้าที่และผู้มารับบริการ, สนับสนุนอุปกรณ์ป้องกันแก่บุคลากรในการปฏิบัติงานและผู้มารับบริการ, จัดระบบการทำงานที่บ้าน (Work From Home) และประชุมสื่อสารผ่านระบบออนไลน์ รวมทั้งกำชับเจ้าหน้าที่สวมหน้ากากอนามัยป้องกัน พร้อมทั้งสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้คำแนะนำประชาชนอย่างต่อเนื่อง

สำหรับ ข้อมูลเฝ้าระวังโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศ ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2566 – 19 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา พบผู้ป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศ รวม 1,730,976 ราย สัปดาห์นี้เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา 228,870 ราย กลุ่มโรคที่พบสูงสุด ได้แก่ กลุ่มโรคทางเดินหายใจ กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ และกลุ่มโรคตาอักเสบ ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพตนเองเป็นพิเศษ โดยลดระยะเวลาหรืองดการออกนอกอาคารโดยไม่จำเป็นหากออกนอกบ้านให้สวมหน้ากากป้องกันฝุ่น, งดการออกกำลังกายกลางแจ้ง โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคทางเดินหายใจ และโรคหัวใจ, อยู่ในบ้าน ปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด หากทำห้องปลอดฝุ่นได้ให้อยู่ในห้องปลอดฝุ่น, สังเกตอาการเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว หากมีอาการรุนแรง เช่น แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ให้รีบไปพบแพทย์.

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

“อนุพงษ์” โยนให้ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดร่วมแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ย้ำทุกฝ่ายต้องร่วมมือ
https://www.thaiquote.org/content/249850

การประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษทำให้เยอรมนีหยุดชะงัก
https://www.thaiquote.org/content/249851

วัดใจพรรคการเมืองในสมรภูมิเลือกตั้ง กับเจตนารมณ์สร้างระบบ ‘บำนาญผู้สูงอายุ’ ที่ต้องไปไกลกว่า ‘นโยบายหาเสียง’
https://www.thaiquote.org/content/249839