ปตท.ได้รับการจัดอันดับเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกในลำดับที่ 110 จากฟอร์จูนโกลบอล 500 ประจำปี 2566 ด้วยรายได้ในปี 2565 ราว 9.62 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งยังคงเป็นเพียงบริษัทเดียวของไทยที่ติดอันดับฟอร์จูน แสดงให้เห็นความยิ่งใหญ่ของบริษัทด้านพลังงานของไทยแห่งนี้... แต่ที่น่าสนใจไม่น้อยไปกว่าตัวเลขรายได้มหาศาล คือที่ผ่านมา ปตท. มีความตั้งมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคมไทยอย่างไรบ้าง

กนกพร รอดรุ่งเรือง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารชื่อเสียงองค์กรและกิจการเพื่อสังคม บมจ. ปตท. กล่าวในการอบรม “ผู้นำ-นำความเปลี่ยนแปลง” รุ่นที่ 13 จัดโดยมูลนิธิสัมมาชีพ ว่า วันนี้ ปตท. มีอายุ 45 ปี จากจุดกำเนิดองค์กรเกิดขึ้นเพื่อแก้ไขวิกฤตขาดแคลนน้ำมันของประเทศที่กระทบกับความเป็นอยู่ของคนไทยอย่างรุนแรงในเวลานั้น และตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ สำนึกความรับผิดชอบต่อคนไทยต่อสังคมไทย ยังฝังอยู่ใน DNA ของคนในองค์กรปตท. ไม่เปลี่ยนแปลง

“ปรัชญาของ ปตท. ตั้งแต่แรกเริ่มก่อตั้ง คือเราไม่ใช่องค์กรธุรกิจธรรมดาที่จะทำเพื่อกำไรอย่างเดียว แต่ดีเอ็นเอของคน ปตท.มุ่งเน้นการช่วยเหลือสังคมมาอย่างต่อเนื่อง เพราะ ปตท.เชื่อว่าองค์กรนี้ และสังคมนี้จะแข็งแรงและเติบโตยั่งยืนได้ เราต้องเติบโตไปด้วยกันและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” กนกพร รอดรุ่งเรือง กล่าวบนเวที
เริ่มต้นตั้งแต่กระบวนการทำธุรกิจ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ปตท. หากทำโครงการที่ไหนก็จะให้ความสำคัญกับพื้นที่ชุมชน เช่นโรงแยกก๊าซที่ระยองได้จัดสรรพื้นที่ราว 60 ไร่ เป็นศูนย์รวบรวมสมุนไพร เพื่ออนุรักษณ์สมุนไพรไทย พร้อมเป็นแหล่งเรียนรู้ แหล่งท่องเที่ยว ให้คนในพื้นที่ตลอดจนคนไทยทั้งประเทศได้ใช้ประโยชน์ สืบสานภูมิปัญญาไทย

อีกภาพลักษณ์หนึ่งขององค์กรนี้ หากเรานึกถึงปตท. เรามักจะคิดถึงโครงการปลูกป่า เพราะปตท.ถือเป็นต้นแบบที่เริ่มทำเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 2537 โดยเข้าร่วมดำเนินการปลูกป่า 1 ล้านไร่ทั่วประเทศ ในโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ 5 ล้านไร่ กระทั้งวันนี้ปตท.มีหมุดหมายที่จะปลูกป่าเพิ่มอีก 2 ล้านไร่ ให้สำเร็จในปี 2030 ซึ่งสัมพันธ์กับแนวทางการเดินสู่ Net Zero Emissions 2050 ของประเทศไทย

กนกพร บอกว่า เริ่มแรกการปลูกป่าคนปตท.ไม่มีประสบการณ์เรื่องนี้ เพราะเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่เป็นวิศวกร เป็นนักเศรษฐศาสตร์ ทำงานนั่งโต๊ะ ไม่เคยเปื้อนดิน แต่นั้นไม่เป็นอุปสรรค คนปตท. ได้ลุกจากโต๊ะทำงานลงมือปลูกป่าร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรองค์กร หน่วยงานรัฐ และชุมชน จนวันนี้ผ่านไป 25 ปี มีความรู้ความชำนาญพร้อมที่จะปลูกป่าต่อไปให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้

มองมุมงานช่วยเหลือด้านสังคม ช่วงวิกฤตโควิดที่ผ่านมาไม่นาน ปตท. ก็มีความโดดเด่น เริ่มตั้งแต่ทุ่มงบประมาณ กำลังคน ช่วยตั้งโรงพยาบาลสนามดูแลผู้ป่วย ไปจนถึงช่วยหาทางบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากโควิด ผ่านการใช้ทรัพยากรและความรู้ความสามารถของบริษัทในเครือ มาทำโครงการแก้ปัญหาและเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจให้ชุมชน

“ช่วงนั้นคนที่เคยทำงานรวมทั้งเด็กจบใหม่ไม่มีงานทำ คนจำนวนมากต้องกลับสู่ภาคเกษตรกรรม แต่ก็มีปัญหาองค์ความรู้ด้านการเกษตร และยังไม่มีช่องทางการขายสินค้า เราจึงรวบรวมความเชี่ยวชาญของบริษัทในเครือทำโครงการต่างๆ”

ตัวอย่างโครงการหนึ่ง ชื่อ “นวัตรกรรมสร้างรอยยิ้ม” ซึ่งบริษัทกลุ่มปตท.ทั้งหมดได้ทำ Workshop ดูว่าแต่ละบริษัทมีองค์ความรู้ หรือนวัตกรรมด้านใดที่จะช่วยคนไทยได้ เช่น ปตท. มีสถาบันนวัตรกรรมที่มีนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ ปตท.สผ.มีบริษัทลูกชื่อ ARV ทำธุรกิจด้าน AI Robotics และบริษัทลูกของ ARV ผลิตโดรนทางการเกษตรที่มีประสิทธิภาพสูง บริษัทจีซีซึ่งทำปิโตรเลียม มีพลาสติกคุณภาพสูงที่มาทำโรงเรือนได้ บริษัทจีพีเอสซี มีนวัตรกรรมเซลล์แสงอาทิตย์ ไออาร์พีซี มีสารเคมีระดับ Food Grade ใช้เป็นสารบำรุงดิน เป็นต้น

ทั้งหมดจึงมารวมตัวกันทำโครงการ Smart Farming เพื่อช่วยเหลือชุมชนเกษตรในการยกระดับการผลิต พร้อมทั้งส่งเสริมช่องทางการตลาด และแม้วันนี้สถานการณ์โควิดจะคลี่คลายไปแล้ว แต่โครงการนี้ก็ยังคงทำอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้จะสังเกตได้ว่าโครงการด้านสิ่งแวดล้อมรวมถึงการดูแลสังคมของกลุ่มปตท. จะเป็นโครงการต่อเนื่องไม่ได้ทำแล้วจบไปในระยะเวลาสั้นๆ เช่นโครงการรับนักศึกษาทำงานกับกลุ่มปตท.ทั้งงานก่อสร้าง งานสังคม CSR จากช่วงโควิดถึงวันนี้เวลา 3 ปี รวมแล้ว 4.8 หมื่นอัตรา ปัจจุบันก็ยังรับหมุนเวียนต่อเนื่อง

ทั้งหมดเป็นเพียงตัวอย่างของโครงการที่กลุ่มปตท. ดำเนินการมาแล้วและยังดำเนินต่อไป ภายใต้ปรัชญาความรับผิดชอบต่อสังคมที่ยังคงอยู่ไม่ว่าบริษัทจะเติบใหญ่ขึ้นเพียงใด เพราะความยิ่งใหญ่จะมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่งขึ้นเสมอ...

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

ธ.ก.ส.จับมือกับภาคีเครือข่าย ตั้งมั่นเป็นธนาคารเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตามหลัก BCG Model
https://www.thaiquote.org/content/250992

ถอดรหัส DNAออมสิน ธนาคารเพื่อสังคมบนเส้นทาง ESG
https://www.thaiquote.org/content/250986