นิวเอสเคิร์ฟปฏิวัติอุตฯอาหารอนาคต กางแผนคิดยั่งยืนต้นน้ำยันปลายน้ำ

by ThaiQuote, 21 ตุลาคม 2566

ปตท.และแสนสิริ ปั้น 2 บริษัทลูก สู่ธุรกิจนิวเอสเคิร์ฟ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ โลกยุคใหม่ ตั้ง NRPT ธุรกิจโปรตีนทางเลือก และION สตาร์ทอัพผลิตโซลาร์ ผนึกพลังตั้งโรงงานสะอาดกำลังผลิตใหญ่ที่สุดในอาเซียน พัฒนาโปรตีนจากพืช ทางเลือกคนช่วยลดโลกร้อน

 

 

 

สิ่งเดียวที่ลดโลกร้อนคือการที่มนุษย์ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรร การบริโภค การเลือกซื้อสินค้า และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ทุกสิ่งที่จะมีการคำนวณเป็นเส้นทางคาร์บอนที่เราปล่อยในชีวิตประจำวัน จึงต้องปรับ เปลี่ยนวิถีชีวิต การเลือกกินก็เป็นหนึ่งที่มนุษย์จะต้องใส่ใจสิ่งที่่เข้าสู่ร่างกายจะต้องมีเส้นทางการผลิตสินค้า หรือ อาหาร ไม่ปล่อยมลพิษ เพิ่มคาร์บอนให้กับโลกใบนี้ แนวคิดผนึกกำลังกันเพื่อรับไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่

บริษัทลูก บมจ.ปตท. คือ นิวทรา รีเจนเนอเรทีฟ โปรตีน จำกัด (Nutra Regenerative Protein Co. Ltd : NRPT) และ บริษัทลูก บมจ. แสนสิริ คือ บริษัทไออน เอนเนอร์ยี่ ธุรกิจสตาร์ทอัพ ด้านการติดตั้งพลังงานทางเลือก ตั้งโรงงาน แพลนท์ แอนด์ บีน (ประเทศไทย) สะอาดปล่อยคาร์บอนต่ำ จึงหาพันธมิตร เช้ามาติดตั้งแผงโซลาร์ในโรงงาน รองรับแผนพัฒนากำลังการผลิตโปรตีนจากพืช อาหารตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ชีวิตใหม่ในอนาคต

เครื่องเต็มพิกัดโรงงานโปรตีนจากพืช
ใหญ่ที่สุดในเอเชียไตรมาส4 ปี 66

ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่ และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด กล่าวว่า โลกยุคใหม่ เดินหน้าสู่การพัฒนานวัตกรรมการผลิตอาหารเพื่อตอบโจทย์อนาคต (Food for Future) ของประเทศ สอดคล้องวิสัยทัศน์ใหม่ที่มุ่งขับเคลื่อนทุกชีวิตด้วยพลังแห่งอนาคตของกลุ่ม ปตท. (Powering Life with Future Energy and Beyond) จึงเข้าไปพัฒนาและสนับสนุนธุรกิจที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรมอาหารเพื่อสุขภาพของอาเซียน

การก่อตั้งโรงงาน Plant & Bean (Thailand) ในเครือ NRPT เป็นโรงงานผลิตอาหารโปรตีนจากพืชครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มีกำลังการผลิตสูงสุดที่ 25,000 ตันต่อปี วางแผนเปิดดำเนินการระยะแรก(เฟส1) ไตรมาส 4 ปี 2566 ที่กำลังการผลิต 3,000 ตันต่อปี สายการผลิตของโรงงานถูกออกแบบกึ่งอัตโนมัติ หรือ ใช้เครื่องจักรทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต

ESG จากต้นน้ำ ถึงปลายน้ำ

บริษัทก่อตั้งขึ้นเพื่อมุ่งเน้นตอบโจทย์ธุรกิจสมดุล 3 ด้าน สิ่งแวดล้อม, สังคม และธรรมาภิบาล ESG (Environmental, Social and Governance) จึงต้องเริ่มต้นจากการ ใช้พลังงานหมุนเวียน ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในกระบวนการผลิต เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโรงงาน และลดต้นทุนพลังงานค่าไฟฟ้าได้มากถึง 30% ต่อเดือน

“ธุรกิจESG ช่วยในการคิดตั้งแต่เริ่มต้นในการบริหารจัดการต้นทุนพลังงาน ทำให้แข่งขันได้ และยังได้รับการยอมรับจากลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ และกระบวนการผลิตยังเป็นนมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถเติบโตในอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต ผลิตภัณฑ์ช่วยเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคที่ต้องการการดูแลทางด้านโภชนาการได้เข้าถึงผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพได้ง่ายยิ่งขึ้นตามเป้าหมายของกลุ่ม ปตท. ที่ต้องการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”

นายเกียรติ์กมล ตั้งงามจิตต์ กรรมการผู้จัดการ โรงงานแพลนท์ แอนด์ บีน (ประเทศไทย) บริษัทลูกปตท. กล่าวว่า หลังจากเริ่มต้นเดินกำลังการผลิตในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาด้วยพลังงานสะอาด ทำให้โรงงานของ NRPT สามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้เดือนละ 27 ตัน ซึ่งคาดว่าภายใน 1 ปีจะสามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 324 ตัน

แพลนท์เบสตอบโจทย์
วิธีบริโภคอนาคต ลดโลกร้อน

ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการในการเริ่มต้นขับเคลื่อนธุรกิจด้วยพลังงานสะอาดของ NRPT บนจุดยืนที่จะเป็นผู้ผลิตอาหารเพื่อความยั่งยืน ที่จะนำไปกำหนดกลยุทธ์ธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ

ถือเป็นวิธีการสร้างตลาดตอบโจทย์โลกยุคใหม่ ธุรกิจที่มีการผลิตโดยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในกระบวนการผลิตโดยตรง และยังส่งเสริมให้คนมีไลฟ์สไตล์ใหม่ที่ยั่งยืน เพราะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนแล้ว ยังดีต่อสุขภาพเมื่อลดการบริโภคโปรตีนจากเนื้อสัตว์ การปศุสัตว์ ถือเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจก 30% จากการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งโลก ทั้งจากจากการผลิต จนถึงเข้าสู่ร่างกายมนุษย์

ให้แก่ผู้บริโภคและผู้ประกอบการด้านอาหาร โดยจะนำเทคโนโลยีการผลิตโปรตีนจากพืชชั้นสูงจากประเทศอังกฤษมาตั้งไว้ที่ประเทศไทย ตั้งเป้ากำลังการผลิต 3,000 ตันต่อปี มีแผนจะเริ่มดำเนินการออกแบบ และก่อสร้างในปี 2565

ทั้งนี้ ธุรกิจอาหารมีสัดส่วน 1 ใน 3 ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนทั่วโลก ผู้ผลิตอาหารยุคใหม่จึงต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตลดคาร์บอน ส่งเสริมให้คนบริโภคโปรตีนจากพืช (Plant-based Food) ให้มากขึ้น เป้าหมายธุรกิจPlant & Bean (Thailand) จะสามารถลดคาร์บอนได้ถึงปีละ 12 ล้านตัน โปรตีนจากพืชมีทิศทางเติบโต สามารถเพิ่มส่วนแบ่งจากตลาดโปรตีนเนื้อสัตว์สัดส่วน 3.6% คาดว่าภายใน 10 ปีข้างหน้า จะเพิ่มขึ้นเป็น 10-15%

“ อาหารโปรตีนจากพืชสามารถเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีไปอีกขั้น และถือเป็นโอกาสที่จะขยายตลาดด้วยอาหารโปรตีนจากพืชให้ครอบคลุมทั่วโลก”


ผนึกพันธมิตรสตาร์ทอัพ
ตั้งโรงงานโซลาร์ครบวงจร

นายพีรกานต์ มานะกิจ ประธานอำนวยการ บริษัท ไอออน เอนเนอร์ยี่ จำกัด หรือ ION (Peerakarn Manakit, CEO of ION Energy) ผู้จัดหาโซลูชั่นพลังงานโซลาร์ครบวงจร ตั้งแต่การจัดหาแผงโซลาร์ การออกแบบและติดตั้ง รวมถึง การลงทุนติดตั้งโซลาร์ฟรี ผ่านการเซ็นสัญญาซื้อขายไฟภาคเอกชน หรือ Private PPA เปิดเผยว่า ION ได้ส่งมอบโครงการติดตั้งระบบพลังงานโซลาร์ครบวงจรขนาดติดตั้ง 389.61 Kilowatt Peak (kWp) ให้กับโรงงาน Plant & Bean (Thailand)

ทั้งนี้ โดยก่อนดำเนินการติดตั้ง ได้ดำเนินการทดสอบระบบมาแล้ว ตั้งแต่เดือน มิ.ย. – กลางเดือน ก.ย. 2566 จึงประเมินกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานโซลาร์ให้กับโรงงานได้สูงสุดวันละ 800 kWh หรือคิดเป็น 60% ของไฟฟ้าทั้งหมดที่โรงงานต้องใช้ในแต่ละวัน จึงช่วยป้อนไฟฟ้าครอบคลุมปริมาณการใช้ไฟฟ้าในช่วงกลางวันได้เกือบ 100%

โดยการให้บริการของ ION ได้จัดสรรเปลี่ยนผ่านกระบวนการใช้ไฟฟ้า ทั้งจากการใช้ไฟฟ้าจากโซลาร์ที่ติดตั้งในโรงงาน และการใช้ไฟฟ้าจากการไฟฟ้าในช่วงกลางคืนเพื่อให้สามารถนำไฟฟ้ามาใช้ในกระบวนการผลิตในโรงงานต่อเนื่องอย่างไม่มีสะดุด ทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน

อีกทั้ง ยังมีการออกแบบ แอปพลิเคชัน ION Energy ช่วยตรวจสอบกระบวนการทำงาน ควบคุมการทำงาน รวมถึงสามารถตรวจสอบค่าไฟฟ้าจากโซลาร์ได้อย่างสะดวกและแม่นยำ

ที่มาบริษัทลูก ปตท.

บริษัท นิวทรา รีเจนเนอเรทีฟ โปรตีน จำกัด (Nutra Regenerative Protein Co. Ltd : NRPT) เกิดขึ้นจาก การร่วมทุน 3 ราย คือ อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด (อินโนบิก) และบริษัท โนฟ ฟู้ดส์ จำกัด ได้บรรลุข้อตกลงร่วมกับ บริษัท แพลนท์ แอนด์ บีน ประเทศอังกฤษ : Plant & Bean (UK) โดยฝ่ายไทย ถือหุ้นลงทุนสัดส่วน 51% ส่วนธุรกิจอังกฤษสัดส่วน 49% เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อบริษัท แพลนท์ แอนด์ บีน ประเทศไทย : Plant & Bean (Thailand) ผลิตผลิตภัณฑ์โปรตีนจากพืช

ที่มาบริษัทสตาร์ทอัพร่วมทุนแสนสิริ

บริษัทไอออน เอนเนอร์ยี่ จำกัด (ION) ธุรกิจในกลุ่มบริษัท บางกอกเคเบิ้ล เข้ามาถือหุ้นโดย บมจ. เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล กองทุนที่มุ่งเน้นการปล่อยกู้ให้กลุ่มธุรกิจสีเขียว ลดคาร์บอน โดยมี บมจ. แสนสิริ เป็นผู้ถือหุ้นหลัก เพราะเป็นสตาร์ทอัพที่มีโมเดลธุรกิจการบริการด้านพลังงานแสงอาทิตย์ แบบครบวงจร ทั้ง การ ลงทุน ติดตั้งโซลาร์ฟรีผ่านสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Private PPA – Private Power Purchase Agreement) ให้กับกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMEs)