วานนี้(16 ก.ค.) นายต่อตระกูล ยมนาค ประธานอนุกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติด้านการป้องกันการทุจริต ในคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟชบุ๊กส่วนตัว "ต่อตระกูล ยมนาค" ระบุว่า "ร่วมกันสนับสนุน บอกกล่าว ป.ป.ช.ว่าเราไม่พอใจที่ท่านถ่วงเวลาการสอบสวนเรื่อง นาฬิกาบิ๊กป้อมคนเพียงไม่กี่คน ที่มีตำแหน่งและมีอำนาจ ทำความเสื่อมเสียต่อ ป.ป.ช.ทั้งองค์กรเราต้องประณามเฉพาะคน 2-3 คนนี้ ป.ป.ช. ยังมีกรรมการ ปปช. และ พนักงาน ปปช. ที่มีความรู้ ความสามารถและความซื่อสัตย์อยู่อีกเป็นจำนวนมาก 10 กว่าปีที่ผมไปร่วมทำงานด้วยกับ ปปช. ในฐานะภาคเอกชน ผมได้รู้และได้สัมผัสด้วยตนเอง ยืนยันครับว่า คนดีมีมากกว่า เราต้องร่วมกันกดดัน ให้ ปปช. ส่วนน้อยนี้ ต้องแยกออกมาแสดงตัว การรับผิดชอบให้ชัดเจน" นายต่อตระกูล กล่าวอีกว่า  องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน โพสต์ข้อความเชิญชวนประชาชนร่วมติดตามการทำงานของ ป.ป.ช. คดีแหวนเพชรและนาฬิกาหรู กับคดี ตำรวจยืมเงินเพื่อน 300 ล้านบาทสามเดือนผ่านไป วันนี้ ป.ป.ช. ตอบจดหมายกลับมาเพียงว่า "กำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง"! คำถาม: เหตุใดสองคดีนี้จึงใช้เวลานาน ทั้งๆ ที่คดีทำนองนี้ ก็เคยเกิดขึ้นแล้ว? หากเป็นเช่นนี้แล้ว คดีอื่นๆ ที่เกิดขึ้น และมีความสลับซับซ้อนมากกว่านี้ ปปช.จะมีความสามารถในการจัดการได้แค่ไหน ? ประชาชนกำลังหวั่นใจ 'ผิด' ก็บอกไปว่า 'ผิด' 'ถูก' ก็บอกมาว่า 'ถูก'.. มีข้อมูลอย่างไร ก็เปิดเผยมา เราคาดหวังว่าจะได้ผลการสอบสวนที่ชัดเจน และสมเหตุสมผล ยืนอยู่บนผลประโยชน์ของประเทศ และขอเชิญชวนให้ประชาชนจับตาการแถลงข่าวคดีนาฬิกาหรูของ ป.ป.ช.ในช่วงนี้ สังคมกำลังรอรับฟังครับ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนาฬิกาหรู เกี่ยวข้องกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ส่วนดคี ตำรวจยืมเงิน 300 ล้านบาท เป็น กรณี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. ยอมรับว่ายืม "เสี่ยกำพล" เจ้าของ สถานบริการ อาบอบนวด วิคตอเรีย ซีเครท  ซึ่งทั้งสองกรณีอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนของ ป.ป.ช.