ปลูกกัญชากันดีกว่า

by ThaiQuote, 23 กันยายน 2561

สาธารณสุข-ปปส.-ปส.หนุนคลายล็อกกัญชา นายแพทย์โสภณ  เมฆธน อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานองค์การเภสัชกรรม และประธานคณะกรรมการพิจารณาการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ตามการแต่งตั้งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งนายศิรินทร์ยา  สิทธิชัย เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) และ พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการ กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด (ปส.) เห็นพ้องต้องกันอย่างเป็นเอกฉันท์สนับสนุนการผ่อนปรนให้สามารถใช้ประโยชน์จากกัญชาในทางการแพทย์ และอยากให้มีผลบังคับใช้ได้ทันที ผ่านกลไกการออกคำสั่งของหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44 เหตุผลสำคัญที่กระทรวงสาธารณสุข-ปปส.-ปส. สนับสนุนการคลายล็อกกัญชา เพื่อให้การใช้ประโยชน์จากกัญชาในทางการแพทย์สามารถเกิดขึ้นได้ทันที มีที่มาจากสรรพคุณของกัญชาในทางการแพทย์มีอยู่อย่างอเนกอนันต์ อีกทั้งเป็นพืชสมุนไพรที่ปลูกง่ายโตง่ายในสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศของประเทศไทย โรคร้ายบรรเทาได้ด้วยกัญชา ผลการศึกษาวิจัยของ St.George, University of London และสถาบันมะเร็งแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา บ่งชี้ถึงสรรพคุณทางยาของกัญชาว่ามีผลชัดเจนในการรักษามะเร็ง และทำลายเซลล์มะเร็ง ยิ่งไปกว่านั้นน้ำมันสกัดจากกัญชาก็มีสรรพคุณในการรักษาแผลมะเร็งผิวหนัง สรรพคุณของกัญชายังถูกนำไปใช้ประโยชน์ในการบำบัดโรคร้ายอีกหลายต่อหลายโรค ได้แก่โรคซึมเศร้า  ออทิสติก อัลไซเมอร์ และพาร์กินสัน  นอกจากนี้กัญชายังช่วยแก้อาการอาเจียน และโรคเบื่ออาหาร ตลอดจนโรคนอนไม่หลับอีกด้วย ใกล้เกลือ แต่กลับกินด่าง นายบัณฑูร นิยมาภา ผู้ริเริ่ม "เครือข่ายที่ช่วยรักษาผู้ป่วยด้วยสารสกัดกัญชา" ซึ่งมีประสบการณ์ทำงานร่วมกับรัฐบาล สปป.ลาว ดำเนินการสกัดกัญชาเพื่อใช้ทางการแพทย์อย่างถูกต้องตามกฎหมายในรูปแบบโครงการนำร่อง ซึ่งมีโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชนรองรับบอกว่าประเทศไทยต้องสูญเสียผลประโยชน์มูลค่านับแสนล้านบาท ในทุกขณะที่ยังไม่เปิดให้มีการรักษาด้วยกัญชาอย่างถูกกฎหมาย ทั้งที่กัญชาเป็นพืชที่ปลูกง่าย ขึ้นง่ายในพื้นที่ประเทศไทย อดีตผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรมอย่าง นายนพพร  ชื่นกลิ่น บอกเช่นกันว่าหากปล่อยให้เสียโอกาสจากการใช้ประโยชน์จากกัญชาแบบนี้ต่อไป อีกหน่อยเราคงต้องสั่งนำเข้ากัญชามาใช้ในประเทศ 26 ชาติปลูก-ขาย-เสพกัญชาถูกกฎหมาย ขณะที่ประเทศไทยจมอยู่กับสภาพ “ใกล้เกลือกินด่าง” ด้วยอาการยังยักแย่ยักยันกับการ “คลายล็อก-ปลดล็อก” กัญชาจากบัญชียาเสพติดให้โทษ  แต่ 26 ประเทศทั่วโลกออกกฎหมายไฟเขียวให้ปลูกได้-ขายได้-เสพได้ นำร่องล่วงหน้าไปแล้ว ในจำนวน 26 ประเทศที่ยอมรับให้ธุรกรรมกัญชาเป็นธุรกรรมถูกกฎหมาย ประกอบไปด้วยสหรัฐอเมริกา แคนาดา  เนเธอร์แลนด์  เบลเยียม  อิตาลี  โครเอเชีย  รัสเซีย  เอสโตเนีย ยูเครน เช็ก โปรตุเกส สวิตเซอร์แลนด์ สเปน ออสเตรเลีย  โคลัมเบีย อาร์เจนติน่า เอกวาดอร์ คอสตาริกา อุรุกวัย จาไมกา เม็กซิโก เปรู ปากีสถาน เนปาล เกาหลีเหนือ และกัมพูชา กรณีสหรัฐอเมริกา ณ ปัจจุบัน สามารถปลูก-ขาย-เสพกัญชา ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายใน 37 มลรัฐ โดยนำร่องที่มลรัฐโคโรลาโด เป็นแห่งแรก เรื่อยมาถึงมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ความเคลื่อนไหวของธุรกิจกัญชาที่น่าสนใจอย่างมากอยู่ที่ประเทศแคนาดา ซึ่งถูกยอมรับให้เป็นตลาดค้ากัญชาที่ใหญ่ที่สุดของโลกตอนนี้ กิจการค้ากัญชารายใหญ่ที่ครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในแคนาดากระจุกตัวอยู่กับ 3 บริษัทคือ Canopy Growth Corporation / Aurora Cannabis / Cronos Group และบริษัทยักษ์ใหญ่ในธุรกิจกัญชาทั้ง 3 แห่งล้วนนำหุ้นเข้าจดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นแคนาดาทั้งสิ้น แถมระดับราคาหุ้นของทั้ง 3 กิจการก็เพิ่มพูนมูลค่ามหาศาลหลายเท่าตัวในแต่ละปี เฉพาะมูลค่ารวมตามราคาตลาดของหุ้นบริษัท Canopy Growth Corporation ซึ่งเป็นเจ้าตลาดกัญชาอันดับ 1 ของแคนาดา มีการขยับตัวจากระดับประมาณ 4,600 ล้านบาท ในปี 2559 เป็นประมาณ 23,000 ล้านบาท ในปี 2560 และมีแนวโน้มขยับตัวไปเฉียดหลัก 2 แสนล้านบาทในปี 2561 โค้กเตรียมแจ้งเกิด “โค้กกัญชา” ความคึกคักของตลาดกัญชา เหนี่ยวนำให้ค่ายโคคาโคลา ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มรายใหญ่สัญชาติอเมริกันที่มีอายุการดำเนินงานยาวนานกว่า 100 ปี วางแผนที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่คือ “โค้กกัญชา” ในอนาคตอันใกล้นี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อผู้บริหารค่ายโคคาโคลาเปิดการเจรจาทางธุรกิจกับค่าย Aurora Cannabis แห่งแคนาดา เพื่อร่วมกันผลิตเครื่องดื่มโค้กกัญชา วางจำหน่ายเป็นแห่งแรกในแคนาดา ทำนองเดียวกัน ค่ายเบียร์โคโรนา ซึ่งมีฐานที่มั่นในเม็กซิโก ก็วางแผนเตรียมแจ้งเกิดเบียร์กัญชา ออกมาเป็นทางเลือกใหม่ของคอเบียร์ “กัญชา” ยิ่งช้ายิ่งเสียโอกาส ประเทศไทยได้ปล่อยโอกาสการตักตวงประโยชน์จากกัญชาให้ผ่านเลยไปมากมายมหาศาล และควรต้องหยุดการเสียโอกาสลงเสียทีแล้ว ขอเพียงแค่รัฐบาลกล้าตัดสินใจจัดระเบียบ จัดประโยชน์จากธุรกรรมกัญชาด้วยความรอบคอบและใสสะอาด โดยศึกษากลไกการจัดระเบียบในลักษณะเดียวกันที่ใช้กันอยู่แล้วในสหรัฐอเมริกา แคนาดา เนเธอร์แลนด์  สเปน หรือรัสเซีย มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ และมีประสิทธิภาพบนความสอดคล้องกับบริบทแบบไทยไทย ทุกวันนี้ราคากัญชาที่หลบๆ ซ่อนๆ ขายกันในตลาดมืดแบบผิดกฎหมายในบ้านเมืองเราอยู่แค่กรัมละ 13 บาท หรือตันละ 13,000 บาท เทียบกับที่ขายกันแบบถูกต้องตามกฎหมายในตลาดยุโรป อยู่ที่กรัมละ 200 บาท ในตลาดอเมริกา กรัมละ 600 บาท ในอเมริกาใต้ และแอฟริกา กรัมละ 165 บาท น่าสังเกตว่าราคากัญชาไทยอยู่ในระดับที่ต่ำมาก เมื่อเทียบกับระดับราคาที่ซื้อขายกันในตลาดกัญชาระดับโลก ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสที่สดใสมาก หากรัฐบาลจะเร่ง “ปลดล็อก” กัญชา จากยาเสพติดผิดกฎหมาย เป็นพืชสมุนไพรที่ถูกกฎหมาย เปลี่ยนกัญชา จาก “ยาเสพติด” เป็น “พืชเศรษฐกิจ” กรณีของกัญชา หากรัฐบาลกล้าเปลี่ยนนิยามจาก ”ยาเสพติด” ไปเป็น “พืชเศรษฐกิจ” โดยมีมาตรการจัดระเบียบและกำกับดูแลที่รัดกุม มีประสิทธิภาพ น่าเชื่อว่าจะบังเกิดผลดีตามมามากมาย ประการแรก รายได้พี่น้องเกษตรกรที่เหี่ยวเฉาจากระดับราคาพืชผลการเกษตรดั้งเดิมตกต่ำต่อเนื่องปีแล้วปีเล่า จะดีวันดีคืนอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุที่กัญชาเป็นสินค้าซึ่งมีตลาดรองรับมากมาย อีกทั้งระดับราคาซื้อขายในตลาดโลกก็ทรงตัวในระดับสูงลิบลิ่ว ขณะที่ต้นทุนการปลูกกัญชาในเมืองไทยอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากธรรมชาติเป็นใจ ไม่แน่ว่าประเทศไทยจะชิงความเป็นเจ้าตลาดกัญชาโลกมาจากแคนาดาในเวลาอันรวดเร็ว และกัญชาอาจยกระดับเป็นพืชเศรษฐกิจที่ทำรายได้สูงสุดแซงหน้าพืชเศรษฐกิจดั้งเดิมทุกชนิดก็เป็นได้ ประการที่สอง การปลดล็อกกัญชาจะก่อเกิดการต่อยอดพัฒนาสายพันธุ์กัญชา ซึ่งหยุดชะงักมาเป็นเวลายาวนาน ให้มีชีวิตชีวา ประการสุดท้าย การปลดล็อกกัญชา มีแนวโน้มสูงที่จะเหนี่ยวนำให้เกิดคลื่นการลงทุนใหม่ๆ ติดตามมาเป็นขบวนยาวเหยียด แถมยังสนับสนุนความเป็น Medical Hub ที่เป็นส่วนหนึ่งของ New S-Curve ตามเจตนารมณ์ของรัฐบาลอีกด้วย ปลดล็อกกัญชา น่าจะถือเป็นปรากฏการณ์ Innovative Disruption of Thailand!!!   ผู้เขียน : รัมย์ฤตา   บทความที่เกี่ยวข้อง https://www.thaiquote.org/content/46477 https://www.thaiquote.org/content/46330 https://www.thaiquote.org/content/46305 https://www.thaiquote.org/content/46261 https://www.thaiquote.org/content/46221 https://www.thaiquote.org/content/45959