นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เปิดเผยว่า ตนมีแนวคิดที่จะสร้างความสมดุล เมื่อรัฐธรรมนูญปี 60 ได้ถูกออกแบบมาในลักษณะ “รวมกันแพ้ แยกกันชนะ” และถูกออกแบบให้เกิดวิกฤติได้ตลอดเวลา หากไม่คุยกันร่วมหาทางออก และไม่สร้างความสมดุลให้เกิดทุกพื้นที่ การพูดคุยก็จะไม่เกิด หากไม่มีการเข้าร่วมพรรคเพื่อชาติ จะทำให้คนของ นปช.อยู่ข้างนอกสภา แต่คนของ กปปส.อยู่ในสภา จะเห็นได้ว่าความสมดุลทางการเมืองก็จะไม่เกิดขึ้น ทั้งนี้ แนวความคิดเรื่องพรรคเพื่อชาติ ซึ่งถือพรรคการเมืองเก่าที่เปิดประตูกว้าง และตนอยากจะสนับสนุนให้เพื่อนพี่น้องที่ไม่มีพื้นที่อยู่ในพรรคเพื่อไทยได้เข้าร่วมพรรคเพื่อชาติ ซึ่งไม่ใช่เรื่องของการแตกแยกกันแต่อย่างใด ดังนั้นเมื่อพรรคเพื่อชาติได้เปิดประตูกว้างรับฝ่ายที่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งไม่ได้จำเป็นต้องเป็นคนเสื้อแดง แต่เป็นประชาชนที่รักประชาธิปไตยและไม่เอาเผด็จการ สามารถเข้ามาสังกัดพรรคนี้ได้ “คุณสุเทพ เขาคิดได้ก่อน จึงกระจายคนไปอยู่ 5 พรรคการเมือง คือ ส่วนหนึ่งอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนหนึ่งอยู่พลังประชารัฐ อีกส่วนหนึ่งรวมพลังประชาชาติไทย สายพลังงานอยู่ในพลังธรรมใหม่ สายศาสนาอยู่ในพรรคประชาชนปฏิรูป ดังนั้น คนของ นปช.ที่มีพื้นที่ในพรรคเพื่อไทย ก็เปรียบเสมือน คนของ กปปส.อยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนเพื่อนพ้องน้องพี่ที่ร่วมต่อสู้กันมา บางส่วนที่ไม่มีพื้นที่ในพรรคเพื่อไทย ผมก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปปิดประตูให้เขาไม่เข้าพรรคเพื่อชาติไม่ได้ โดยผมอยากให้คนที่อยู่ข้างนอกเหลือแค่ผมกับคุณสุเทพก็เพียงพอแล้ว ที่เหลือจะต้องไปต่อสู้กันในเวทีที่เรียกว่า รัฐสภา ” ประธาน นปช.กล่าว ขณะที่ กปปส. แบ่งคนออกไปสู่พรรคการเมืองต่างๆ ไม่ใช่เรื่องของการทะเลาะกัน แต่ กปปส.เข้าใจในบริบทของรัฐธรรมนูญฉบับของ “คุณมีชัย ฤชุพันธุ์” ที่หากมีรวมกันแล้วจะแพ้ แยกกันแล้วจึงจะชนะได้ จึงต้องมีการกระจายคนไปอยู่ในพรรคการเมืองต่างๆ ช่วยสร้างสีสันทางการเมืองเพิ่มขึ้น โดยมีเป้าหมายร่วมกันคือการเข้าสู่ระบบรัฐสภา ขณะเดียวกันตนขอสรุปประเด็นที่ผ่านมาว่า 1.เรื่องของการที่ตนจะร่วมกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล หรือหลวงปู่พุทธอิสระ ในการจัดตั้งพรรคการเมืองนั้นไม่เป็นความจริง 2.นปช.ไม่ได้ตั้งพรรคการเมือง แต่พรรคเพื่อชาติ เป็นพรรคการเมืองที่มีอยู่เดิม ที่ตั้งมาตั้งแต่ปี 2556 3.รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ถูกออกแบบให้ “รวมกันแพ้แยกกันชนะ” การที่คนของ นปช.ไม่มีพื้นที่ลงในพรรคเพื่อไทย และมาอยู่ร่วมกับพรรคเพื่อชาติ เป้าหมายคือ การเข้าสู่เวทีรัฐสภา ซึ่งเป็นการสร้างความสมดุลกับอีกฝ่ายหนึ่ง “หากเราไม่รู้เท่าทันกติกาที่ถูกกำหนดไว้ ท้ายที่สุด นปช.จะถูกแยกเป็น 2 ส่วนคือส่วนหนึ่งอยู่ในสภา อีกส่วนหนึ่งอยู่นอกสภา จะไม่เกิดความสมดุล คนที่ไม่ได้เข้าร่วมพรรคเพื่อไทยทั้งหมด ก็จะมาสังกัดพรรคเพื่อชาติ โดย นปช.ยังคงรักษาจุดยืนคือการไม่ตั้งพรรคการเมือง ส่วนตัวผมเองอยู่ในฐานะกองเชียร์ โดยหากเราไม่เล่นตามแบบที่คุณมีชัยกำหนด เราก็ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้” นายจตุพร กล่าว   ข่าวที่เกี่ยวข้อง เพื่อไทยแก้ตัวทันควัน ยืนยันไม่มีตั้ง”พรรคนอมินี”