ล่าสุดที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้มีมติเห็นชอบในหลักการของบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-รัสเซียฉบับลงนามวันที่ 23 ก.ค.57 และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของไทยและรัสเซีย ซึ่งบันทึกความเข้าใจดังกล่าวมีสาระสำคัญที่มีผลต่อการบินระหว่างประเทศมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสิทธิความจุความถี่ที่ทั้งสองฝ่ายตกลงปรับปรุงความจุความถี่ อาทิ การเพิ่มความจุความถี่ของฝ่ายรัสเซียให้ทำการบินมายังกรุงเทพฯ และฝ่ายไทยให้ทำการบินไปยังกรุงมอสโก จากเดิม 42 เที่ยว/สัปดาห์ เป็น 70 เที่ยว/สัปดาห์  ,เพิ่มความจุความถี่ของฝ่ายรัสเซียให้ทำการบินมายังภูเก็ต และฝ่ายไทยให้ทำการบินไปยังเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก จากเดิม 14 เที่ยว/สัปดาห์ เป็น 28 เที่ยว/สัปดาห์ ฯลฯ

             ทั้งนี้การปรับปรุงสิทธิการบินต่าง ๆ จะทำให้สายการบินของทั้งสองฝ่ายมีความยืดหยุ่นในการวางแผนการให้บริการ และเปิดโอกาสให้สามารถขยายบริการไปยังจุดต่าง ๆ ได้มากขึ้น และแม้ว่าปัจจุบันสายการบินของไทยจะยกเลิกการทำการบินไปยังรัสเซียแล้วก็ตาม หากสายการบินของไทยมีความพร้อมและมีศักยภาพพอก็จะสามารถทำการบินไปยังรัสเซียได้ทันที นอกจากนี้การที่สายการบินของรัสเซียทำการบินมายังประเทศไทยจะช่วยส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของไทยที่ชาวรัสเซียนิยมเดินทางมาท่องเที่ยว

          อย่างไรก็ตามมีรายงานข่าวอ้างคำแถลงของโฆษกประจำสำนักนายกฯ ที่ระบุว่าดร.สมคิดได้ปรารภว่าอยากเห็นสายการบินของไทยไปรัสเซียมีความเป็นรูปธรรม โดยน่าจะมี 4 เที่ยว หรือ 2 เที่ยวบิน ซึ่งดูเหมือนว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะสอดรับกันเป็นอย่างดี เมื่อนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ได้ออกมาเปิดเผยว่า ทางบมจ.การบินไทย (THAI) เตรียมจะกลับมาทำการบินที่กรุงมอสโคว์ ประเทศรัสเซีย อีกครั้งหลังจากหยุดทำการบินชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 29 มี.ค. 58 ที่ผ่านมาเพื่อลดค่าใช้จ่าย แต่ในปีนี้มีแผนเจาะตลาดใหม่เพิ่มขึ้น โดยประเทศรัสเซียถือเป็นหนึ่งในตลาดที่การบินไทยจะกลับไปทำการบินในอนาคตอันใกล้นี้