ปภ.อยุธยาประกาศจำเป็นต้องระบายน้ำลงท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นเป็น 900-1,200 ลบ.ม./วินาที เตือนประชาชนริมแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อยได้รับผลกระทบ

วันนี้ (9 ก.ย.62) นายประทีป บริบูรณ์รัตน์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ขณะนี้หน่วยงานกรมชลประทาน มีหนังสือด่วนแจ้งเตือน 7 จังหวัดภาคกลาง พื้นที่ใต้เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาทว่า น้ำเหนือยังมีมาก และปริมาณน้ำเหนือไหลผ่าน จ.นครสวรรค์ ลงแม่น้ำเจ้าพระยา มีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับกรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ช่วงวันที่ 10-13 ก.ย.นี้ จะมีฝนตกหนักเพิ่มขึ้นในภาคเหนือ ทำให้มีความจำเป็นต้องเพิ่มการระบายน้ำลงท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ในช่วงนี้ขึ้นไปอีก และให้ไปอยู่ในเกณฑ์ 900-1,200 ลบ.ม./วินาที

จากผลดังกล่าวจะส่งกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำใน จ.พระนครศรีอยุธยา ติดแม่น้ำน้อย ซึ่งเป็นสาขาแม่น้ำเจ้าพระยา เขต อ.เสนา ที่ ต.หัวเวียงและ ต.บ้านกระทุ่ม ส่วน อ.ผักไห่ ที่ ต.ท่าดินแดง แต่พื้นที่ชุมชนติดแม่น้ำเจ้าพระยา น้ำจะยังไม่ล้นตลิ่งในช่วงเวลานี้ โดยล่าสุดพบว่าเขื่อนเจ้าพระยา ได้เพิ่มการปล่อยน้ำในเช้าวันนี้ที่ 901 ลบ.ม./วินาทีแล้ว ซึ่งทางจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้วางแผนป้องกันไว้ด้วยการได้ออกหนังสือแจ้งเตือนผ่านผู้นำท้องถิ่น และเครือข่ายต่าง ๆ ให้ประชาชนรับทราบ และเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

นางสาว ฐณิชชา สุริวงษ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ต.บ้านกระทุ่ม อ.เสนา เปิดเผยว่า น้ำเริ่มล้นตลิ่งท่วมบ้านเรือนสองฝั่งแม่น้ำน้อยแล้ว เพราะเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำและเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก โดยชาวบ้านเก็บของหนีน้ำแล้ว ซึ่งน้ำท่วมจะไม่ส่งผลกทบรุนแรงต่อการดำรงชีวิต แต่จะมีความยากลำบากขึ้น ก็ในส่วนของการเดินทาง จากเดิมที่รถหรือเดินเท้า เข้าถึงตัวบ้านได้อย่างสะดวกก็จะต้องมาพายเรือนจากถนนหลังชุมชนเข้าบ้านเรือนแทน

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

“วราวุธ” ลงพื้นที่พรุควนเคร็ง ลั่น! จะไม่ยอมให้มีพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม