ในหลวง ร.9 ทรงห่วงใยประชาชนยิ่งกว่าห่วงพระองค์เอง

by ThaiQuote, 13 ตุลาคม 2562

คำบอกเล่าจากสมรภูมิรบ! ในหลวง ร.9 ทรงห่วงใยประชาชนยิ่งกว่าห่วงพระองค์เอง เสด็จฯ ไปรับทหารบาดเจ็บในพื้นที่อันตราย

ในการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนราษฎร พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โปรดการเดินทางบนภาคพื้นดิน ไม่ว่าจะเสด็จฯ โดยรถยนต์พระที่นั่ง หรือการเดิน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เคยพระราชทานสัมภาษณ์ในรายการ “พูดจาประสาช่าง” ออกอากาศทางสถานีวิทยุจุฬาฯ ว่า

 

 

“เวลาเสด็จฯ ไปไหน จะต้องขับรถด้วยพระองค์เอง หรือว่าพอเดินได้ก็จะเดินด้วยพระองค์เอง ท่านบอกว่าจะได้มีความรู้สึกต่อพื้นที่นั้น เวลาเดินทางไปด้วยพาหนะอื่น เช่น เฮลิคอปเตอร์ ท่านก็ถือโอกาสเป็นการตรวจสอบและแก้ไขแผนที่ไปในตัว ท่านจะกริ้วพวกเราเป็นอย่างมาก ที่พอไปๆ ก็นอนหลับ ท่านบอกว่า การขึ้นเฮลิคอปเตอร์นั้นถือเป็นสิทธิพิเศษ และใช้เครื่องราชการ ใช้น้ำมันราชการ ก็ควรจะทำประโยชน์ให้ราชการให้สมบูรณ์ ไม่ใช่ว่าขึ้นไปฟังเสียงบรื่อๆ สองสามนาทีก็หลับ”

แต่การเสด็จฯ โดยเฮลิคอปเตอร์ที่อันตรายที่สุดครั้งหนึ่งจนเป็นที่เล่าขานกัน คือเหตุการณ์ต่อสู้ระหว่างทหารและตำรวจตระเวนชายแดนกับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ที่อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน ในปี พ.ศ.2510 โดยบทความเรื่อง “ราชาเป็นทั้งมิ่งและขวัญ” เขียนโดยคุณวสุมดี เทศนสดับ ในนิตยสาร อ.ส.ท.ฉบับเดือนมิถุนายน พ.ศ.2514 เล่าไว้ว่า

“ในสมรภูมิ พระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ยังคงตามไปปกเกล้าปกกระหม่อมบรรดาทหารหาญเหล่านั้น เป็นเสมือนยาชูกำลังขนานเอกที่ทำให้เขาเกิดกำลังใจที่จะสู้รบกับหมู่อริราชศัตรู โดยเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ.2510 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินโดยเครื่องบินแอฟโรของกองทัพอากาศ จากสนามบินดอนเมืองไปยังสนามบินลำปาง แล้วเสด็จฯ ต่อโดยเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ไปยังบ้านเชียงกลาง ตำบลเชียงกลาง อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน”

“ที่นี่เองทหารและตำรวจตระเวนชายแดนทุกคนได้ซาบซึ้งในน้ำพระหฤทัยที่ทรงห่วงใยประชาชนของพระองค์ยิ่งกว่าทรงห่วงใยพระองค์เองเสียอีก เพราะในขณะที่เสด็จฯ เยี่ยมยุทธภูมิน่านนี้ เผอิญมีตำรวจตระเวนชายแดนกลุ่มหนึ่งถูกล้อมและถูกยิงบาดเจ็บ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 โปรดเกล้าฯ ให้เฮลิคอปเตอร์ในขบวนไปรับผู้บาดเจ็บ และประทับคอยฟังข่าวการติดต่อแจ้งสถานที่ที่จะให้เฮลิคอปเตอร์ไปรับ

จนถึงเวลา 13.30 น. จึงเสด็จฯ ไปเสวยพระกระยาหารกลางวันซึ่งเป็นข้าวห่อที่ทรงนำติดพระองค์ไปเอง แต่ยังไม่ทันที่จะเสวยก็มีเสียงเครื่องยนต์กระหึ่ม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มีพระราชดำรัสถาม ก็มีผู้ตอบว่า เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์จะไปรับผู้บาดเจ็บ ทั้งสองพระองค์จึงงดเสวยพระกระยาหารกลางวัน เสด็จฯ ไปรับทหารบาดเจ็บด้วย ท่ามกลางความอกสั่นขวัญแขวนของผู้โดยเสด็จฯ เพราะบริเวณที่จะไปรับผู้บาดเจ็บนั้นเป็นบริเวณที่เพิ่งจะเกิดการรบอย่างหนัก เรียกได้ว่าเป็น ‘เขตอันตราย’ แต่ทั้งสองพระองค์มิได้ทรงย่อท้อ”

 

 

นอกจากนี้ คุณวสุมดี ยังเล่าเพิ่มเติมอีกว่า

“สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทอดพระเนตรเห็นทหารบาดเจ็บผู้หนึ่งริมฝีปากแห้งผาก แสดงว่าหิวน้ำ ก็ทรงปอกส้มผลหนึ่งป้อนทหารผู้นั้นด้วยพระหัตถ์ ยังความซาบซึ้งแก่ทหารผู้นั้นและบรรดาผู้ที่ได้ทีโอกาสพบเห็นเหตุการณ์ครั้งนั้นยิ่งนัก”

เรียบเรียงจาก : หนังสือตามรอยพ่อ ก-ฮ

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
กษัตริย์ที่ไม่เคยถือพระองค์ ในหลวง ร.9 กับ “ชาวเขาและเหล้าต้ม”