บิ๊กป้อม เยี่ยมผู้ประสบอุทกภัยที่อุบลฯ-ศรีสะเกษ สทนช.คาดกลับสู่ภาวะปกติต้น พ.ย.

by ThaiQuote, 12 ตุลาคม 2565

“ประวิตร” นำคณะลงพื้นที่ตรวจติดตามการแก้ไขปัญหาสถานการณ์อุทกภัยที่ จ.อุบลราชธานี และศรีสะเกษ ด้านสุรสีห์ กิตติมณฑล คาดว่าช่วงต้นเดือน พ.ย. ระดับน้ำในพื้นที่ภาคอีสานจะเริ่มลดลง ส่วนสรรพสามิตเตรียมออกมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้เสียภาษีที่อยู่ในพื้นที่ประสบอุทกภัย

 

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) นำคณะลงพื้นที่ตรวจติดตามการแก้ไขปัญหาสถานการณ์อุทกภัยที่ จ.อุบลราชธานี และศรีสะเกษ โดยนายชลธี ยังตรง ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ได้รายงานสถานการณ์ภาพรวมในพื้นที่, นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) บรรยายสรุปสถานการณ์ภาพรวมของลุ่มน้ำมูล-ลุ่มน้ำชี ก่อนลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำในแม่น้ำมูล บริเวณวัดหลวง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี พร้อมเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่ จากนั้นได้เดินทางต่อไปยัง จ.ศรีสะเกษ เพื่อรับฟังสรุปสถานการณ์น้ำ โดยนายสำรวย เกษกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ และพบปะประชาชนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่บ้านหนองบัวไชยวาน ต.โนนสัง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ

 

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี

 

ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ กอนช. โดยศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นหน่วยงานหลักในการประสานแผนการบริหารจัดการน้ำของกรรมการลุ่มน้ำ แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของจังหวัดและการประกาศพื้นที่ประสบภัย ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการบริหารจัดการน้ำในสภาวะเสี่ยงเกิดอุทกภัย และส่งผลกระทบต่อประชาชนให้น้อยที่สุด

พร้อมมอบหมายให้กรมชลประทาน ดำเนินการตามแผนป้องกันและแก้ไขภาวะน้ำท่วมปี 2565 ตามที่ กอนช.ได้ให้ความเห็นชอบไว้ และตามมติของคณะทำงานศูนย์ส่วนหน้าฯ ที่มีความเห็นร่วมกัน ให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เร่งให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอย่างทันท่วงที และขอให้จังหวัดร่วมกับหน่วยทหาร สนับสนุนเครื่องมือ ยานพาหนะ และกำลังพล เพื่อเข้าช่วยเหลือในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างรวดเร็ว รวมทั้งขอให้จังหวัด หน่วยงานราชการ และองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น เตรียมแผนการช่วยเหลือฟื้นฟู ภายหลังน้ำลดให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วต่อไปด้วย

คาดเข้าสู่ภาวะปกติต้นเดือนพ.ย.

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ฝนภาคอีสาน พบว่า ช่วงวันที่ 12-13 ต.ค.65 ปริมาณฝนมีแนวโน้มลดลง แต่ช่วงวันที่ 14-15 ต.ค.65 อาจมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่งผลต่อระดับน้ำเล็กน้อย และช่วงวันที่ 16-19 ต.ค.65 ฝนจะลดลงไปอย่างมาก ถึงอาจไม่มีฝนตกในพื้นที่ภาคอีสานเลย

สำหรับสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำชี ระดับน้ำเริ่มลดลง แต่ต้องเฝ้าระวังผนังกั้นน้ำเนื่องจากระดับน้ำที่ท่วมสูงเป็นเวลานาน ประกอบกับเขื่อนอุบลรัตน์ยังคงการระบายอยู่ที่ 54 ล้าน ลบ.ม./วินาที อาจส่งผลกระทบต่อความแข็งแรงของผนังกั้นน้ำโดยรอบ ซึ่งได้แจ้งเตือนให้ประชาชนบริเวณรอบผนังกั้นน้ำได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ส่วนลุ่มน้ำมูล ระดับน้ำมีแนวโน้มลดลง ที่สถานี M.7 สะพานเสรีประชาธิปไตย จ.อุบลราชธานี ระดับน้ำอยู่ที่ +116.5 ม. (รทก.) สูงกว่าตลิ่ง 4.5 ม. ปริมาณน้ำ 5,735 ลบ.ม./วินาที ซึ่งคาดว่าวันที่ 13 ต.ค. ระดับน้ำจะสูงสุดที่ +116.65 ม. (รทก.) สูงกว่าตลิ่ง 4.65 ม. ปริมาณน้ำ 5,885 ลบ.ม./วินาที และหลังจากนั้นจะแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง ปัจจุบันที่บริเวณกลางสะพานพิบูลมังสาหารได้ถอนเครื่องผลักดันน้ำออกแล้ว เพื่อไม่ให้กีดขวางการไหลของกระแสน้ำเนื่องจากอัตราการไหลของน้ำบริเวณกลางลำน้ำมีอัตราไหลเร็วอยู่แล้ว แต่ยังเหลือคงเครื่องผลักดันน้ำไว้ 40 เครื่องบริเวณ 2 ข้างลำน้ำ เพื่อช่วยเสริมการระบายน้ำให้เร็วยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ในช่วงสัปดาห์หน้า เมื่อระดับน้ำลุ่มน้ำมูลลดลงอยู่ในเกณฑ์ปกติ กอนช.จะได้ประสานการนำเครื่องผลักดันน้ำเพื่อเร่งระบายน้ำในลำน้ำชี ซึ่งคาดว่าช่วงต้นเดือน พ.ย. ระดับน้ำในพื้นที่ภาคอีสานจะเริ่มลดลง และที่เอ่อท่วมสองฝั่งลำน้ำ จะทยอยไหลกลับเข้าสู่ลำน้ำหลัก เพื่อเร่งระบายลงแม่น้ำโขงให้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ควบคู่การพื้นฟูเยียวยาประชาชนที่ประสบอุทกภัยโดยเร็ว

สรรพสามิตออกมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้เสียภาษีที่อยู่ในพื้นที่ประสบอุทกภัย

ดร. เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยรวมถึงพายุโนรู (NORU) ทำให้มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ จนเกิดอุทกภัยเป็นวงกว้างโดยมีพื้นที่ประสบสาธารณภัยอย่างน้อย 26 จังหวัดทั่วประเทศในขณะนี้ ซึ่งส่งผลให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมและผู้ประกอบกิจการสถานบริการที่อยู่ในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยบางรายจำเป็นต้องหยุดกิจการเป็นการชั่วคราว ดังนั้นเพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบให้แก่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมและผู้ประกอบกิจการสถานบริการดังกล่าว กรมสรรพสามิตจึงได้ออกมาตรการให้ความช่วยเหลือด้วยการขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบรายการภาษีและการชำระภาษี รวมถึงการยื่นงบเดือน โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. ขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบรายการภาษีและชำระภาษีตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 แก่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมและผู้ประกอบกิจการสถานบริการที่โรงอุตสาหกรรมคลังสินค้าทัณฑ์บน หรือสถานบริการแล้วแต่กรณี ตั้งอยู่ในจังหวัดที่มีการประกาศให้เป็นเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย (อุทกภัย) ในช่วงตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2565 ถึงวันที่31 ตุลาคม 2565 สำหรับกรณีที่จะต้องยื่นแบบรายการภาษีและชำระภาษีตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2565 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2565 ออกไปเป็นภายในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565

2. ขยายกำหนดเวลาการยื่นงบเดือน ตามมาตรา 118 แห่งพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 แก่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมและผู้ประกอบกิจการสถานบริการที่โรงอุตสาหกรรมคลังสินค้าทัณฑ์บน หรือสถานบริการแล้วแต่กรณี ตั้งอยู่ในจังหวัดที่มีการประกาศให้เป็นเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย (อุทกภัย)ที่ต้องยื่นงบเดือนภายในเดือนตุลาคม 2565 ออกไปเป็นภายในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565

ดร. เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ กล่าวต่อว่า การดำเนินมาตรการดังกล่าวนี้กรมสรรพสามิตมุ่งหวังที่จะช่วยบรรเทาภาระและความเดือดร้อนให้กับผู้ประกอบอุตสาหกรรมและผู้ประกอบกิจการสถานบริการที่ได้รับผลกระทบที่ประสบอุทกภัยในครั้งนี้

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

นวัตกรรม ‘DRAG KOOLER’ แผ่นเช็ดตัวสมุนไพร ตัวช่วยลดไข้เด็ก
https://www.thaiquote.org/content/248411

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศรายชื่อ 170 บจ. ในหุ้นยั่งยืน THSI ปี 2565
https://www.thaiquote.org/content/248400

Asics พัฒนารองเท้าผ้าใบที่มีคาร์บอนฟุตพริ้นท์น้อยที่สุดในโลก
https://www.thaiquote.org/content/248392