ในที่สุดวันเวลาของการยกขบวนเข้าครอบงำอำนาจ บริหารประเทศอภิมหาอำนาจที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกของ”โดนัลด์ ทรัมป์” ในฐานะประธานาธิบดีคนที่ 45 พร้อมกับชาวคณะก็มาถึงจนได้ แม้อาจจะมีชาวอเมริกันจำนวนมากมายก่ายกองเฝ้าสวดภาวนาเสกเป่าให้ “ความจริงกลายเป็นความฝัน” แล้วเลือนลางจางหายวับไป..

ขบวนการ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ยาตราทัพเข้ายึดครองทำเนียบขาว บงการความเป็นไปในประเทศสหรัฐอเมริกา นับจากนี้เรื่อยไปเป็นเวลาเบ็ดเสร็จ 4 ปี ประกอบไปด้วยคณะบุคคลหลากหลายช่วงวัย...หลากหลายทักษะประสบการณ์จำนวน 29 ตำแหน่ง 30 อัตรา...น้อยกว่าคณะรัฐมนตรีประเทศตั้ง 5 อัตรา

ในบรรดาทีมงานประธานาธิบดีทั้งหมด 29 ตำแหน่ง 30 อัตรา ส่วนใหญ่ 17 อัตรา มีอายุระหว่าง 50-69 ปี ซึ่งถือเป็นช่วงวัยที่ชุ่มโชกไปด้วยประสบการณ์ชีวิต และประสบการณ์การทำงาน

อย่างไรก็ตามในคณะรัฐบาลของทรัมป์ชุดนี้มีบุคคลที่อาวุโสที่สุดได้แก่ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ “Wilbur Ross” เจ้าของฉายา”จอมฟอกหนี้” ซึ่งมีอายุอานามปาเข้าไปถึง 80 ปี

ในทางตรงกันข้ามก็มีบุคคลที่เยาว์วัยที่สุดคือ ที่ปรึกษาอาวุโสประจำตัวประธานาธิบดี “Jared Kushner” ซึ่งมีอายุเพียง 36 ปีเท่านั้น แถมยังเป็นบุคคลที่น่าจะมีบทบาทอย่างสูงและได้รับความไว้วางใจอย่างสูงจากประธานาธิบดีในฐานะ”พ่อตา”

คุ้ยแคะแกะเกาเข้าไปถึงไส้ในของคณะรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ แล้วโฟกัสไปที่บุคคลในตำแหน่งทรงอิทธิพลทั้งสายงานความมั่นคง และสายงานเศรษฐกิจ จะพบความน่าสนใจซ่อนอยู่ไม่น้อย

“Rex Tillerson” รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ วัย 65 ปี อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารค่ายแอ็กซอนโมบิลหรือที่คนไทยคุ้นเคยกันดีในชื่อ “เอสโซ่” คือบุคคลที่ถูกจับตามองมากที่สุดในลำดับต้น ๆ ในฐานะบุคคลที่เห็นต่างจากประธานาธิบดี ในประเด็นว่าด้วย Trans Pacific Partnership (TPP) และมีสายสัมพันธ์อันดีกับวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีแห่งรัสเซีย

“James Mattis” รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม วัย 67 ปี เจ้าของฉายา “หมาบ้า” แห่งกองทัพสหรัฐ เป็นอีกผู้หนึ่งที่น่าจับตา ในฐานะบุคคลผู้ที่ตลอดชีวิตคร่ำหวอดอยู่กับสมรภูมิสงครามและผ่านสมรภูมิสำคัญมาแล้วไม่น้อยกว่า 4 สมรภูมิ ไม่ว่าจะเป็นสมรภูมิอ่าวเปอร์เชีย...สมรภูมิอิรัก...สมรภูมิอัฟกานิสถาน...สมรภูมิฟัลลูจาห์

“John Kelly” รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (Homeland Security Department) วัย 67 ปีก็น่าจับตาไม่น้อย ในฐานะผู้มากไปด้วยประสบการณ์สงครามที่โชกโชนทั้งในสมรภูมิอเมริกากลาง..อเมริกาใต้..แคริบเบียน...ตะวันออกกลาง

“Ryan Zinke” รัฐมนตรีกระทรวงกิจการภายใน ซึ่งเทียบเคียงได้กับกระทรวงมหาดไทยวัย 56 ปี ก็ชุ่มโชกไปด้วยทักษะด้านการสู้รบ ในฐานะนายทหารหน่วยจู่โจมพิเศษที่รู้จักกันดีภายใต้ชื่อ “หน่วยซีล”

“Michael Flynn” ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ (National Security Advisor) วัย 59 ปีคืออีกบุคคลหนึ่งที่น่าจับตา ทั้งในฐานะที่เป็นบุคคลผู้มีแนวความคิดทางการเมืองฝักใฝ่พรรคเดโมแครทแต่กลับได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในรัฐบาลพรรครีพับริกัน

เหตุผลสำคัญยิ่งยวดที่ทำให้ Flynn ได้รับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ น่าจะมาจากความเป็นอดีตผู้อำนวยการข่าวกรองกลาโหม (Defence Intelligence Agency-DIA) และมีทักษะความเชี่ยวชาญงานข่าวกรองที่บังเอิญ “เข้าตา”ประธานาธิบดีทรัมป์อย่างแรง

“Dan Coats” ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (Director of National Intelligence) วัย 74 ปี เป็นบุคคลที่น่าสนใจในฐานะศิษย์เก่าร่วมโรงเรียนวิชากฎหมายเดียวกับรองประธานาธิบดี Mike Pence ที่ Robert H. Mckinney School of Law, University of Indiana ซึ่งมากด้วยประสบการณ์ในความเป็นอดีตวุฒิสมาชิก..อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร...อดีตนักการทูต ...แต่ไม่เคยข้องแวะกับกิจการข่าวกรองจากสายงานความมั่นคง ขยับมาสำรวจตรวจแถวทีมงานด้านเศรษฐกิจของคณะรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ก็จะโปะเชะกับความน่าสนใจของหลายคน....

“Steve Mnuchin” รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง วัย 55 ปีศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเยล และอดีตลูกหม้อมือฉมังของค่ายโกลด์แมนแซคส์ แถมยังเป็นนายทุนอยู่เบื้องหลังการสร้างสรรค์ภาพยนตร์ประเภทโปรแกรมทองฝังเพชรหลายต่อหลายเรื่อง ทั้ง X-Men…Avatar…American Sniper…Mad Max:Fury Road ดูจะเป็นบุคคลน่าสนใจลำดับต้น ๆ ในฐานะที่สวนกระแสความรังเกียจเดียดฉันท์มนุษย์ทองคำแถววอลล์สตรีทของทรัมป์ แต่กลับถูกเลือกจากทรัมป์ให้เข้ามากุมบังเหียนสำคัญทางเศรษฐกิจในคณะรัฐบาล

“Wilbur Ross”รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ ที่มีความอาวุโสสูงสุดด้วยวัย 80 ปี มีความน่าสนใจในฐานะบุคคลผู้มีครรลองชีวิตคล้ายคลึงกับโดนัลด์ ทรัมป์ ตรงที่ผ่านประสบการณ์การแต่งงานเปลี่ยนคู่ครองมาแล้วหลายรอบ ขณะเดียวกันก็มีความแตกฉานในชั้นเชิง”ฟอกหนี้”..ทำหนี้เน่าให้เป็นทรัพย์สิน และเชี่ยวชาญการลงทุนระดับนานาชาติ

“Robert Lighthizer” ผู้แทนการค้าแห่งสหรัฐอเมริกา (US Trade Representative-USTR) วัย 70 ปี นับเป็น”ขิงแก่”ที่น่าจับตามองในฐานะมีแนวคิดห้าวเป้ง และนิยมชมชอบลัทธิกีดกันการค้า อีกทั้งยังมีท่าที”หมั่นไส้จีน” ทำนองเดียวกับประธานาธิบดี

“Linda Mc Mahon” ผู้บริหารสำนักงานธุรกิจขนาดย่อม (Small Business Administration) สุภาพสตรีวัย 69 ปีดูจะเป็นบุคคลที่ชวนทึ่งที่สุด ในฐานะที่เธอคือประธานกรรมการบริหารกิจการจัดมวยปล้ำ WWE ซึ่งเลื่องชื่อลือชาไปทั่วโลก

นับจากนี้ต่อเนื่องไป 4 ปีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีท่าทีสามหาวสี่หาวมาตลอดช่วงการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง และห้าวเป้งหนักข้อมากขึ้นหลังได้รับชัยในการเลือกตั้ง จะยังคงห้าวเป้งเข้มข้นยิ่งขึ้นต่อไปอีกหรือไม่

ความก้าวร้าวของเขา ด้วยการแสดงความเห็นสับแหลก NATO เป็นกลไกตกยุค ไร้น้ำยาในการต่อกรขบวนการก่อการร้าย...ด้วยการส่งสัญญาณฟันอากร 35 % จากรถยนต์ที่นำเข้ามาจากโรงงานประกอบรถยนต์ในเม็กซิโก...ด้วยการล้มล้างนโยบายจีนเดียว ที่ใช้ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2515 สมัยประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน จะนำไปสู่จุดเปลี่ยนป่วนโลกได้หรือไม่

อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์เศรษฐกิจการเมือง ซึ่งศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองสหรัฐอเมริกาให้ข้อสังเกตว่าคำพูดโตๆ วาทะโก้ที่ใช้ตอนหาเสียง มักจะทำได้จริงๆไม่เกิน 30 %

สำหรับคณะรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งล้วนประกอบขึ้นด้วยคณะบุคคลที่มีประสบการณ์บริหารประเทศเป็น”ศูนย์” ตั้งแต่หัวแถวคือตัวประธานาธิบดี ตลอดเรื่อยไปถึงระดับหางแถว โอกาสที่สิ่งซึ่งคุยอวดไว้ตอนหาเสียง...ตอนชนะเลือกตั้ง กับเมื่อต้องทำหน้าที่จริงๆ จะมีความแตกต่างห่างชั้นกันลิบลับ ราวกับหนังคนละม้วน มีความเป็นไปได้สูงยิ่ง