ยางจิ้มยาง..แปลงยางพาราเป็นตั๋วระดมทุน

by ThaiQuote, 11 มกราคม 2559

ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ  ที่กำลังสร้างความทุกข์ยากลำบากเข็ญให้แก่พี่น้องเกษตรกรชาวสวนยาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อแม่พี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางในจังหวัดภาคใต้ ตั้งโคนเรื่อยไปจรดปลายด้ามขวานของประเทศ เป็นสิ่งที่ใครต่อใครต่างพากันมืดแปดด้าน  ค้นหาช่องผ่าทางตันกันไม่เจอะเจอ

            ข้อเสนอแนะจึงหมุนเวียนป้วนเปี้ยนอยู่ในวังวนแบบเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นการรับซื้อยางที่ราคากิโลกรัมละ 60 บาทตามข้อเรียกร้องของเกษตรกร หรือการระงับการระบายยางจากสต็อค เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่พี่น้องเกษตรกรชาวสวนยาง

            อาจจะมีช่องทางใหม่ในการช่วยลดปริมาณยางพาราในตลาด เพื่อยกระดับราคาให้กระเตื้องตัวดีขึ้น ก็เห็นจะเป็นการขยายการใช้ประโยชน์จากยางพารา ไปสู่การทำถนน

            แม้การใช้ยางพารา  เป็นส่วนผสมในวัสดุทำถนน จะเป็นวิธีเพิ่มประโยชน์ใช้สอยจากยางพาราที่น่าสนใจ แต่สัดส่วนความต้องการยังคงต่ำมาก

            ถนนขนาดความกว้าง 10 เมตร ยาว 1,000 เมตร จะใช้ยางพาราเป็นส่วนผสมได้อย่างมากไม่เกิน 3,000 กิโลกรัม หรือ 3 ตัน

ในรอบปีนี้ มีการประมาณการณ์ผลผลิตยางพาราไว้สูงลิ่วถึง 800,000 ตัน หรือ 800 ล้านกิโลกรัมถ้าจะต้องให้รัฐบาลเหมาซื้อที่ราคากิโลกรัมละ 60 บาท ต้องใช้เงินถึง 48,000 ล้านบาท

หรือถ้าจะนำยางพาราไปผสมทำถนน ก็ต้องมีโครงการทำถนนยาวเฟื้อยเฉียดเฉี่ยว 3 แสนกิโลเมตร

เมื่อแนวทางแบบเดิมๆดูจะติดขัดในการเอาชนะปัญหายางพาราราคาต่ำ น่าจะลองคิดค้นหานวัตกรรมในการแก้ปัญหา โดยการนำเอายางพารา ไปแปลงเป็นหลักทรัพย์ จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ หรือตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า

กระบวนวิธีรัฐบาลอาจมอบหมายให้บลจ.กรุงไทย ในสังกัดธนาคารกรุงไทย เป็นเจ้าภาพเป็นธุระจดทะเบียนจัดตั้งกองทุนแปลงทรัพย์สินยางพาราเป็นหน่วยลงทุน โดยกำหนดมูลค่ากองทุนไว้ใกล้เคียงมูลค่ายางพาราในปีนี้คือ 50,000 ล้านบาท และรัฐบาลรับประกันทั้งอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำ และรับประกันความเสี่ยง แล้วจัดสรรขายแบบเฉพาะเจาะจงแก่ธนาคารพาณิชย์

ด้วยนวัตกรรมทางการเงินนี้ น่าจะช่วยทำให้ปัญหายางพาราบรรเทาเบาบางจางหายไปได้หลายตัน!!!