เมื่อวันที่ 6 ส.ค. พล.ต.ต.ธีระพงษ์ วงษ์รัฐพิทักษ์ ผบก.น.4 กล่าวถึงความคืบหน้าในการติดตามจับกุมนายอัศยา ชัยถา หรือโก้ อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาสังหารโหด น.ส.ธิติมา หรือ เชอรี่ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ อายุ 39 ปี ไฮโซสาวนักธุรกิจ ว่า ขณะนี้ได้วางกำลังตามเส้นทางเข้า-ออกในจังหวัดที่มีพื้นที่ติดกับชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งจุดผ่านแดนของตม. และตามช่องทางธรรมชาติ นอกจากนี้ยังวางกำลังตั้งแต่ภาคอีสานลงมาเกือบทุกจังหวัด ส่วนการตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายอัศยานั้น ขณะนี้ได้แจ้งอายัดบัญชีไว้หมดแล้ว โดยก่อนอายัดบัญชีพบข้อมูลว่า นายอัศยาได้ถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มธนาคารออมสินไป 5-6 พันบาท และมีการโอนเงินหลักหมื่นบาท ส่วนรายละเอียดว่าเป็นตู้เอทีเอ็มสาขาไหนนั้น ยังเปิดเผยไม่ได้ ส่วนกรณีรางวัลนำจับนั้น มีผู้ประสงค์ไม่ออกนามจ่ายเงินค่าหัวให้ หากมีผู้แจ้งเบาะแสจนไปสู่การจับกุมตัว แต่เจ้าหน้าที่จะดำเนินการอย่างเงียบๆ ไม่ให้นายอัศยาไหวตัวทัน โดยคาดว่าคงหลบหนีไปได้ไม่เกิน 1-2 สัปดาห์

ด้าน พ.ต.ท.พสิษฐ์ สายชนม์ศักดิ์ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.โชคชัย กล่าวว่า ได้ออกหมายเรียกนายอนุวัฒน์ ชัยภา อายุ 32 ปี น้องชายของนายอัศยา ตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค. ให้มาพบพนักงานสอบสวนภายในวันที่ 12 ส.ค. หากยังไม่เข้ามาพบ จะออกหมายเรียกครั้งที่ 2 แต่หากยังไม่เข้ามาพบอีก จะรวบรวมหลักฐาน ขออนุมัติออกหมายจับข้อหา ช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใดเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 189 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.

ด้านการประสานติดตามตัว นายโก้ ที่อาจหลบหนีไปยังประเทศกัมพูชา นั้น ล่าสุดมีรายงานว่า มีการเพิ่มเงินรางวัลนำจับ นายโก้เป็นเงิน 1 หมื่นดอลลาร์ หรือประมาณ 330,000 บาท ส่วนอดีตพ่อตา และอดีตภรรยาของคนร้ายที่มาพบพนักงานสอบสวน และให้ข้อมูลก่อนหน้านี้นั้น อาจจะเรียกมาสอบสวนเพิ่มเติม แต่ไม่ขอเปิดเผยว่าเรื่องอะไร

ส่วนกรณีที่ทางครอบครัวยังสงสัยเกี่ยวกับการก่อเหตุครั้งนี้ โดยระบุว่ามีการทำเป็นขบวนการ และเชื่อว่าคนร้ายเป็นมิจฉาชีพนั้น ตนได้แนะนำให้รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวกับคนร้ายทั้งหมด ก่อนที่จะตั้งทนายความให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย และช่วยเหลือทางคดีต่อไป