การยาสูบปรับแผนธุรกิจ จับมือเวียดนามผลิตบุหรี่ คาดกำไร 3,200 ล้านบาท

by ThaiQuote, 25 กุมภาพันธ์ 2562

นางสาวดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ ผู้ว่าการ การยาสูบแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า หลังจากภาษีสรรพสามิตเตรียมเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 40 เริ่มวันที่ 16 กันยายน 2562 จากปัจจุบันจัดเก็บร้อยละ 20 ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เดิม ทำให้ราคาบุหรี่ขั้นต่ำเพิ่มเป็นซองละ 93 บาทนั้น

ยอมรับว่าต้นทุนภาษีสรรพสามิตและจัดสรรให้กับกองทุนต่างๆ ต้นทุนสูงถึง 78 บาทต่อซอง ขณะที่ กยท.มีค่าการตลาดเพียง 15 บาท จึงได้รับผลกระทบอย่างมากจากการปรับเพิ่มภาษี ทำให้เดิมมีกำไรนับหมื่นล้านเหลือเพียง 900 ล้านบาท และจะทำให้ตลาดรวมจาก 32,000 ล้านมวน ลดเหลือ 19,000 ล้านมวนต่อปี และส่งผลให้ส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ลดลงจากร้อยละ 60 เหลือร้อยละ 50

ทั้งนี้ กยท.จึงปรับแผนงานในช่วง 3 ปีข้างหน้า ประกอบด้วย

1.การขยายธุรกิจในการบริหารจัดการใบยา การผลิตและจำหน่ายยาเส้น ด้วยการนำใบยาพันธุ์ต่าง ๆ ทั้งเวอร์จิเนีย เตอร์กีส และเบอร์เลย์ มาผสมกัน เพื่อให้มีรสชาตที่แตกต่างออกไป

2.การร่วมลงทุนกับต่างประเทศ อาทิ เวียดนาม เพื่อผลิตบุหรี่ขายในประเทศเวียดนามและส่งออกไปต่างประเทศด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ คาดว่าจะเริ่มผลิตล็อตใหม่เดือนเมษายนนี้

3.การทดลองวิจัยนำใยกัญชงเพื่อใช้ผลิตกระดาษมวนบุหรี่ เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม และสกัดน้ำมันจากผลกัญชงเพื่อเป็นวัตถุดิบผลิตเครื่องสำอางและยาบำรุงสุขภาพ นอกจากนี้ ยังขยายภารกิจของโรงงานยาสูบภายในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะจากเดิมทำหน้าที่ผลิตมวนยาสูบมารับจ้างผลิตและพิมพ์งานด้านต่าง ๆ

ซึ่ง 3 แนวทางจะทำให้ กยท.มีกำไรเพิ่มจาก 900 ล้านบาท เป็น 3,200 ล้านบาทต่อปี