ศาลเพิกถอนมติกสทช.สั่ง”วอยซ์ทีวี” จอดำ

by ThaiQuote, 28 กุมภาพันธ์ 2562

ศาลปกครองกลางพิพากษาเพิกถอนมติของ กสทช.สั่งให้วอยซ์ทีวีจอดำ ส่วนมติของศาลที่ให้ทุเลาคำสั่งของ กสทช. ให้มีผลต่อไปจนกว่า กสทช.จะเพิกถอนมติคำสั่งทางปกครอง

ผู้พิพากษาศาลปกครองกลางได้ขึ้นบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 258/256 บริษัทวอยซ์ทีวีจำกัด ฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยมีมติในการประชุมครั้งที่ 3/2562 เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562 ให้ระงับการออกอากาศช่องรายการวอยซ์ทีวีเป็นเวลา 15 วัน ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2562 เป็นต้นไปกรณีกล่าวหาว่ารายการ Wake Up news และรายการ Tonight Thailand ดำเนินรายการโดยมีเนื้อหาที่ต้องห้ามมิให้ออกอากาศตามกฎหมายและขัดต่อเงื่อนไขในการประกอบกิจการโทรทัศน์ฯ ตามบันทึกข้อตกลงฉบับลงวันที่ 4 มิถุนายน 2557 ระหว่าง กสทช.กับวอยซ์ทีวี

ศาลปกครองกลางวินิจฉัยว่า ผู้ดำเนินรายการพิพาทได้เสนอข่าวสารในเชิงวิเคราะห์ทาง การเมืองโดยผู้นำเสนอรายการจะรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากแหล่งข่าวในขณะนั้นมาเรียบเรียงเนื้อหาและกำหนดรูปแบบวิธีการเสนอข่าวให้เป็นที่น่าสนใจของประชาชน และมีการวิพากษ์วิจารณ์การดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ นโยบายของพรรคการเมืองผู้นำพรรคการเมืองและผู้นำรัฐบาล และ ผู้ดำเนินรายการได้วิพากษ์วิจารณ์นโยบายสาธารณะและบุคคลสาธารณะตามสิทธิและเสรีภาพของสื่อมวลชน อย่างไรก็ตาม แม้การแสดงความคิดเห็นของผู้ดำเนินรายการพิพาทจะมีเพิ่มเติมไปจากแหล่งข่าว รวมทั้งมีการแสดงความคิดเห็นสนับสนุนพรรคการเมืองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ก็ยังฟังไม่ได้ถึงขนาดที่จะทำให้ประชาชนเกิดความสับสนเกี่ยวกับการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐหรือผู้นำรัฐบาล ส่วนการดำเนินรายการดังกล่าวจะมีปัญหาด้านจริยธรรมหรือไม่นั้น ย่อมเป็นหน้าที่ขององค์กรสภาวิชาชีพจะดำเนินการตรวจสอบการแสดงความคิดเห็นของผู้ดำเนินรายการเพิ่มเติมไปจากแหล่งข่าว รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นสนับสนุนพรรคการเมืองใดฝ่ายหนึ่ง จึงไม่ถึงขนาดเป็นการนำเสนอข้อมูลข่าวสารในลักษณะที่ส่อให้เกิดความสับสน ยั่วยุปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้ง หรือสร้างให้เกิดความแตกแยก

ทั้งไม่ปรากฏว่ากสทช. เสนอว่า การออกรายการของวอยซ์ทีวีเกิดความความเสียหายอย่างร้ายแรงหรือไม่อย่างไร และไม่ปรากฏว่า กสทช.ได้พิจารณาในประเด็นความเสียหายอย่างร้ายแรงก่อนมีมติออกคำสั่งกำหนดโทษทางปกครองให้พักใช้ใบอนุญาต ดังนั้นการที่ผู้ถูกฟ้องคดีมีมติให้พักใช้ใบอนุญาต จึงไม่ชอบด้วยตามมาตรา 64 ประกอบมาตรา 16 และมาตรา 37 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 ข้อ 20 ของประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการขออนุญาตให้บริการกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ.2555 และข้อ 22 ของประกาศ กสทช.เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีรวบรวมข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการกระทำความผิดในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ที่มีโทษทางปกครอง พ.ศ. 2556 ศาลปกครองกลางจึงพิพากษาเพิกถอนมติของ กสทช. ส่วนมติของศาลที่ให้ทุเลาคำสั่งของ กสทช. ให้มีผลต่อไปจนกว่า กสทช.จะเพิกถอนมติคำสั่งทางปกครอง