คมนาคมตั้ง “คณะทำงาน”หารือเจรจาชดใช้ค่าเสียหายให้กับโฮปเวลล์ ขณะเดียวกันก็ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อลงโทษย้อนหลังกับคนทำผิด เริ่มหารือ 31 พ.ค.นี้และต้องดำเนินการให้เสร็จก่อน 180 วัน

นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่าตามที่มีคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ที่ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) คืนเงินชดเชยกับ บริษัทโฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด จากการบอกเลิกสัญญาโดยขณะนี้ ได้มีการแต่งตั้งคณะทำงาน เพื่อพิจารณารายละเอียดและแนวทาง ที่ชัดเจนเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งศาล โดยมี นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน ซึ่งคณะทำงานจะดำเนินการ 3 เรื่อง คือ 1. พิจารณามูลค่าความเสียหายและค่าชดเชยรวมกับดอกเบี้ย 2. แนวทางการเจรจา 3. แหล่งเงินที่จะนำมาจ่ายชดเชย โดยคณะทำงานประกอบด้วยผู้แทนจากกระทรวงคมนาคม กระทรวงคลัง สำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง รฟท.

หลักการดำเนินการคือจะต้องพิจารณาให้เห็นถึงมูลหนี้ที่ชัดเจน ต่อมาก็จะต้องมีการดำเนินการในเรื่องความรับผิดทางละเมิดเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย และข้อบังคับ กรณีที่ภาครัฐเสียหาย โดยกระทรวงคมนาคมจะตั้งคณะทำงานอีกชุดหนึ่ง เพื่อพิจารณาในเรื่องละเมิดและหาผู้ที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ

ด้านนายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะทำงานพิจารณาแนวทางกรณีโฮปเวลล์ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด กล่าวว่า คณะทำงานจะประชุมนัดแรกในวันที่ 31 พ.ค.นี้ เพื่อเร่งกำหนดแนวทาง ทั้งนี้ต้องขึ้นกับข้อมูลที่รฟท.จะรวบรวมมาหารือในที่ประชุมด้วยว่าจะมีรายละเอียดที่ชัดเจนแค่ไหน เนื่องจากโครงการนี้มีข้อมูลเอกสารที่เกี่ยวข้องมาก และเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเก่าด้วย

สำหรับที่มาของการต้องเสียค่าปรับให้กับโฮปเวลล์มาจากเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2562 ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งให้บังคับคดี ให้บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ชนะคดีตาม คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการให้ภาครัฐจ่าย รวม 11,888 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี พร้อมคืนหนังสือค้ำประกันมูลค่า 500 ล้านบาท ที่ออกโดยธนาคารกรุงเทพ ซึ่งประกอบด้วยเงินที่บริษัทได้ชำระเป็นค่าตอบแทนจากการใช้ประโยชน์จากที่ดินของ รฟท. ถึงก่อนวันบอกเลิกสัญญาเป็นเงิน 2,850 ล้านบาท รวมถึงเงินค่าออกหนังสือค้ำประกัน 38 ล้านบาท และเงินค่าก่อสร้าง 9,000 ล้านบาท โดยดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 180 วันนับคดีถึงที่สุด

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

“สมคิด” กำชับ สศช. เร่งขยับอันดับศักยภาพแข่งขันของไทยให้ต่ำกว่า 20 ในปี 63