คำต่อคำ ที่ปรึกษาฝ่ายการเมืองทูตจีนย้ำ สงครามการค้าอเมริกาเป็นฝ่ายเริ่ม!!

by ThaiQuote, 2 กันยายน 2562

รับฟัง คำต่อคำ ! ที่ปรึกษาฝ่ายการเมือง สถานทูตจีนประจำประเทศไทย บอกเล่าสงครามการค้า ยืนยันฝ่ายจีนไม่ได้เริ่มต้นเศรษฐยุทธ์นี้

ปฏิเสธไม่ได้ จีน คือประเทศที่มีผลสะท้อนในการขยับไม่ว่าจะเป็นแง่มุมไหน ทั้งด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยี การค้า แม้แต่ในแวดวงสื่อมวลชนเองก็ต้องมีการเรียนรู้ และเท่าทันมุมมองต่างๆ ที่จีนแสดงท่าที

 

เมื่อเร็วๆนี้ ที่โรงแรมอโนมาแกรนด์ นางหยัง หยัง ที่ปรึกษาฝ่ายการเมือง สถานทูตจีนประจำประเทศไทย กล่าวตอนหนึ่งในการเปิด "โครงการมองจีนยุคใหม่ ความท้าทายที่สื่อไทยควรรู้" ซึ่งจัดโดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ร่วมกับสถานทูตจีนประจำประเทศไทย ว่า วันที่ 1 ตุลาคมนี้ ครบ 70 ปี การสถาปนาการเป็นสาธารณะรัฐประชาชนจีนที่จตุรัสเทียนอันเหมิน ที่กรุงปักกิ่งครบ 70 ปี

สำหรับคนธรรมดาถือว่านานพอสมควร ส่วนประเทศถือว่าเริ่มต้นการพัฒนา เริ่มแข็งแรงหน่อย มีเพื่อนคนไทยเล่าให้ฟังว่าจีนวันนี้เหมือนต่างกันราวฟ้ากับดินในอดีต ยกตัวอย่างทางตัวเลข ช่วงเริ่มต้นตัวเลขเศรษฐกิจจีนเบาบางมี 1978 เพิ่งเปิดประเทศสู่ภายนอก มีตัวเลขทางเศรษฐกิจเพียง 2.8 แสนล้านเหรียญสหรัฐ แต่ปีที่แล้ว 2018 GDP ทั้งหมด 16 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์ ซึ่งคิดตัวเลขไม่เป็นเท่าไร คิดเป็น 2 ใน 3 ของอเมริกา เป็น 2.8 เท่าของญี่ปุ่น สัดส่วน 11.1% ของ เศรษฐกิจโลก และ GPD เฉลี่ยตัว 1 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ และตั้งแต่ปี 2013-2018 จีนมีส่วนช่วยความเติบโตของเศรษฐกิจโลก สัดส่วนสูงเฉลี่ย 28.1%

ใน GDP ของจีน มีเนื้อหาสาระหลายอย่างในอันดับต้นๆของโลก เช่น ทางด่วนของจีนทะลุ 1.4 แสนกิโลเมตร อันดับหนึ่งของโลก รถยนต์ส่วนตัว 200 ล้านคัน อันดับหนึ่งของโลก รถไฟความเร็วสูง 2.9 กิโลเมตร ถือเป็นสัดส่วนใน 2 ใน 3 ของโลก นอกจากนี้มีแบรนด์จีนด้านโทรคมนาคม เครื่องใช้ไฟฟ้า สมาร์ทโฟน หลายยี่ห้อ และมีบริษัทของจีน 120 บริษัท ติดอันดับ 500 บริษัทของโลก ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เยอะกว่าอเมริกา และในด้านชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนจีน มีการพัฒนาจากประเทศที่ยากจนจนถึงปัจจุบันได้ขจัดความยากจนโดยสิ้นเชิง

"70ปีของประเทศจีน ตั้งแต่ปี 1978 นายสีจิ้นผิง ได้ออกเป็นแบบการขจัดความยากจนอย่างตรงจุด เป็นความคิดใหม่ของความยากจน ทำให้มาตรการขจัดความยากจนไปถึงทุกหมู่บ้าน ทุกครอบครัว ทุกคน ปัจจุบันมาตรฐานในการขจัดความยากจน มีกิน มีใช้ มีการศึกษา 9 ปี และมีการรักษาความปลอดภัยทางการแพทย์และที่อยู่อาศัยที่สูงกว่ามาตรฐาน และ 6 ปีที่ผ่านมาได้ขจัดความยากจนให้ประชาชนกว่า 82 ล้านคน หรือ 83.9% และปีหน้าจะขจัดความยากจนโดยสิ้นเชิง จากข้อมูลของแบงก์ชาติระบุว่าจีนมีสัดส่วนในการช่วยขจัดความยากจนทั่วโลกสูงถึง 70% มากที่สุดและบรรลุเป้าหมายของสหประชาชาติ"

 

นางหยางหยาง กล่าวถึง"สงครามการค้า" ว่า ฟังแล้วอาจจะดูว่าตัวเลขดีทั้งหมด แต่ปัจจุบันภายใต้สงครามการค้า มีแต่คนถามว่าและเพื่อนคนไทยถามว่าจีนโดนกระทบไหม จีนไหวไหม คนถามเกือบทุกวัน อยากพูดอย่างชัดเจนว่า

"ประเทศจีนไม่ยอมทำสงครามกับใครใดๆทั้งสิ้น ไม่ยอมทำสงครามการค้าที่อเมริกาบังคับให้กับเรา เพราะว่าท่าทีของเราชัดเจน สงครามการค้าไม่มีฝ่ายใดชนะเลย แต่เราขอย้ำอีกทีหนึ่งคือ เราไม่กลัว นี่คือท่าทีของจีน"

"เรายอมรับว่าเราได้รับผลกระทบ เพราะว่าเศรษฐกิจโลกก็โดน อเมริกาก็โดนเองด้วย เศรษฐกิจของจีนก็ประสบแรงในครึ่งปีแรก เติบโตลดลง 6.4% ซึ่งเป็นจุดต่ำที่สุดในรอบสิบสิบปีที่ผ่านมา แต่อยากจะพูดกับเพื่อนไทยว่าเศรษฐกิจจีนยังไหว เพราะความจริงตลอดทั้งปีที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าจีนไม่ยอมล้ม ยอดส่งออก 7 เดือนแรกของปีเพิ่มขึ้น น่าคิดว่าทำไมทำให้จีนมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของเรา ทำไมยังรักษาแนวโน้มได้และคืบหน้า เพราะเราได้เดินหนทางที่เติบโตจากเน้นความเร็วสูงเป็นเน้นคุณภาพของการเติบโต โดยถือการปฏิรูปโครงสร้างของเศรษฐกิจ 4 ประเด็น เน้นกระตุ้นความต้องการภายในของประเทศเป็นหลัก สัดส่วนการส่งออกแม้ลดลงจากเคยสูงสุดกว่า 60% เหลือ 33% ลดลงอย่างมาก ส่วนการบริโภคครึ่งปีแรกมีส่วนช่วยการเติบโตเพิ่ม 60.1% อุตสาหกรรมที่สามช่วยการเติบได้ 60.3% แสดงว่าความต้องการภายในของจีนเป็นแรงกระตุ้นหลักของประเทศ" ที่ปรึกษาฝ่ายการเมืองกล่าว

นอกจากนี้ นางหยางหยาง กล่าวต่อไปว่า ด้านนวัตกรรมของจีนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเกือบ 20% ต่อปี ปีที่แล้วได้ 2 ล้านล้านหยวน อันดับที่สองของโลก ครึ่งปีแรกอุตสาหกรรมไฮเทคเพิ่มขึ้น 10 - 13% เช่นการผลิตหุ่นยนต์ สมาร์ทวอท รถยนต์พลังงานใหม่ ฯ ส่วนชีวิตความเป็นอยู่กำลังผลักดันการสร้างโครงสร้างพื้นฐานระบบใหม่ มีทั้งโครงการ 5G ระบบการส่งไฟฟ้าแรงดันสูงพิเศษ การสร้างระบบรถไฟความเร็วสูงระหว่างเมืองกับเมือง โครงการเล็กๆที่เกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน เช่น อาคารจอดรถ เสาชาร์จไฟฟ้าของรถยนต์ ซึ่งจะเป็นจุดกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนใน 3 ปีข้างหน้า ที่จะทะลุ 4 ล้านล้านหยวนสำหรับธุรกิจด้านนี้

ที่ปรึกษาฝ่ายการเมือง กล่าวอีกว่า จีนต้องการเปิดประตูให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น ด้วยการออกกฎหมายการลงทุนของชาวต่างชาติ พยายามพัฒนาสิ่งแวดล้อมในการลงทุน ยินดีเปิดประตูรับการลงทุนกับจีน และล่าสุดโคสโคว ซุปเปอร์มาเก็ตใหญ่ของอเมริกาก็มาเปิดสาขาแรกที่เซี่ยงไฮ้ มีสื่อมวลชนบอกว่า ที่นี่ีมีการจัดที่จอดรถที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ลูกค้าคนจนยังต้องใช้เวลา 3 ชั่วโมงกว่าจะได้ที่จอดรถ

"นี่แหละ แสดงว่าจีนเราได้เปิดประเทศให้นักลงทุนทุกคน รวมทั้งบริษัทอเมริกา แม้ภายใต้สงครามการค้า เรายินดีให้นักลงทุนทุกคนมาขายสินค้าอันดีที่จีน แสดงว่าหลายคนจำนวนมากยังมองดีกับอนาคตของเศรษฐกิจจีน แสดงว่าพวกเขาไม่ยอมทอดทิ้งเศรษฐกิจมโหฬารของจีน รวมทั้งอเมริกา ที่ไม่ยอมปล่อยตลาดจีน"

นางหยางหยาง ย้ำอีกว่า สงครามการค้าไม่ใช่ฝ่ายจีนเป็นฝ่ายริเริ่มและจะไม่ยอมทำสงครามกับใครทั้งสิ้น และฝ่ายอเมริกาเป็นฝ่ายริเริ่ม ฝ่ายอเมริกาเป็นฝ่ายที่พยายามขยายขอบเขตของสงครามการค้าด้วย ไม่เพียงแต่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจของอเมริกาต้องประสบภัยด้วย อาจจะอยู่ตกอยู่ในภาวะอันตรายของเศรษฐกิจของเขาเอง ความเชื่อมั่นของบริษัทในอเมริกาเริ่มลดลง และThe Wall Street Journal มีบทความเตือนรัฐบาลอเมริกาว่าการทำสงครามการค้าอาจทำให้เศรษฐกิจของอเมริกาล่มได้

"มีเพื่อนคนไทยถามว่าจีนจะเจรจากับอเมริกาหรือไม่ ขอบอกว่าเราไม่ได้ปิดประตูการเจรจากับอเมริกา แต่ท่าทีของจีนยังชัดเจนตลอด การเจรจาต้องดำเนินบนพื้นฐานการเคารพผลประโยชน์ที่แท้จริงซึ่งกันและกัน จึงจะดำเนินได้ นี่คือท่าทีของจีน"นางหยาง กล่าว

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

สหรัฐฯ-จีน เริ่มเก็บภาษีนำเข้าสินค้าตามแผน