หนีฝุ่นเมืองกรุง ไปหลบหลังป่าเขาที่ "ดอยจง"

by ThaiQuote, 21 มกราคม 2563

เรื่องและภาพโดย...ทีมเดินป่าดอยจง

ถึงแม้จะผ่านพ้นช่วงหน้าหนาวไป แต่ถ้าใจมันยังอยากเดินป่า ก็ต้องหาที่เดินจนได้!

กอปรกับ "ฝุ่นพิษ" ที่มากล้นในเมืองกรุง ทำให้หวั่นใจว่า "ปอด" ของเรา มันจะทนทานได้อีกนานเท่าไหร่ ยิ่งสูดยิ่งดมอากาศในเมืองหลวง ร่างกายก็เริ่มส่งผล ไม่เพียงพอมันยังลุกลามไปยัง "หัวใจ" ให้ห่อเหี่ยวมากขึ้นกว่าเดิม มากกว่าที่เคยเป็นอยู่

การแสวงหา "ใบไม้ ต้นหญ้า สีเขียว ป่าเขา" จึงเกิดอุบัติขึ้นในใจ

เมื่อใจปราถนา กระบวนการสั่งการก็พุ่งแล่นไปหาสมอง ส่งต่อมายังมือที่กุมสมาร์ทโฟนเอาไว้ เริ่มเสาะหาที่เที่ยวที่จะประโลมหัวใจ และชาร์จพลังให้กับร่างกาย

สายตาพลันไปเจอ "ดอยจง" ในจ.ลำปางเข้าจนได้ ก่อนที่การตัดสินใจจะแล่นผ่านเส้นทางเดิมของร่างกาย จากมือ ไปสมอง และจบท้ายด้วยหัวใจว่า "ไป"

คำแรกหลังเดินออกจากดอยจง จากประสบการณ์ 2 วัน 1 คืน ในป่าดอยจง คือ "มันชันที่สุดเท่าที่เท้าสองข้างจะเคยพาไป"

เราเองคือมือใหม่ในการเดินป่า จึงอยากขอใช้พื้นที่ตรงนี้ ถ่ายทอดเรื่องราว และแบ่งปันในมุมหนึ่งของประเทศไทย ที่ยังหลงเหลือธรรมชาติที่แสนดี ไว้ให้เราได้ค้นหา และรักษามันให้นานเท่านาน

"ดอยจง" ชื่อที่น้อยคนจะคุ้นหู ดอยจง ตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติดอยจง อ.สบปราบ จ.ลำปาง เส้นทางนี้เป็นการเดินป่าระยะทาง 8 กิโลเมตร ซึ่งการของเข้าไปเดินป่า ต้องติดต่อจองกับทางเจ้าหน้าที่ที่อุทยานก่อนล่วงหน้าเพื่อระบุจำนวนคน วันเดินทาง และทางอุทยานจะมีผู้พิทักษ์ป่านำทางให้.. (ทริปนี้เราติดต่ออุทยานฯที่เบอร์ 081-7246732)

มาเริ่มต้นกันเลยครับ กับทริปดอยจง

 

 

ทริปนี้เราเดินทางกันวันศุกร์หลังเลิกงาน จาก กทม. มุ่งหน้าสู่ อุทยาแห่งชาติดอยจง จ.ลำปาง เดินทางกันวันที่ 17-19 มกราคม 63 หลังจากล้อหมุน เราก็นอนเอาแรงบนรถ เพื่อรอเดินป่าในเช้าวันเสาร์

รุ่งเช้า ถึงอุทยานแห่งชาติดอยจง เราจัดการมื้อเช้าให้อิ่ม และเตรียมมื้อเที่ยงใส่ห่อไว้กินระหว่างทาง จากนั้นจัดเป้ขึ้นรถโฟวิล เพื่อเดินทางไปยังจุดเริ่มเดินเท้าของดอยจง

 

 

ถ่ายภาพหมู่กับพี่ๆเจ้าหน้าที่สักรูปก่อนลุย

 

 

หน้าตาของรถประมาณนี้ พี่ๆใจดีจะพาเราไปส่งที่จุดเริ่มเดิน

 

หลังจากขึ้นรถโฟวิลมา สภาพป่าในช่วงมกราคมปีนี้ ค่อนข้างแห้งแล้ง ใบไม้เริ่มร่วงเกือบหมดป่า บ้างก็มีร่องรอยของไฟป่าหลงเหลือให้เห็นอยู่ที่โคนต้นไม้ จินตนาการได้เลยครับว่า การเดินป่าวันนี้ร้อนแน่ๆ

 

เมื่อถึงจุดเริ่มเดิน พี่ๆเจ้าหน้าที่เช็กความพร้อมของพวกเรา อุปกรณ์ เป้ สิ่งของต่างๆ พี่ๆ น่ารักมาก ช่วยดูว่าเราเอาอะไรไปบ้าง สายเดินป่าอุปกรณ์แน่นอย่างเรา เตรียมมาไม่ขาด พร็อบเยอะสุด!

เยอะๆ จนต้องเก็บบางอย่างไว้ที่อุทยาน ฮ่าๆๆ เพราะด้านบนดอยจงค่อนข้างมีของครบ มีเรือนนอน มีศาลา มีห้องน้ำ มีครัว มีน้ำฝนไว้กินไว้ใช้ โอ้ย คือ ดีแท้!

หลังจากตรวจสอบความพร้อมก่อนเริ่มเดินกันเป็นที่เรียบร้อย เราก็ลุยกันได้เลยครับ เตรียมแรงขาเอาไว้ ได้ใช้แน่นอน

 

อีกสักรูป ก่อนที่จะเริ่มเดินบนความชันตลอดระยะทาง 8 กิโลเมตร

 

 

แถวเรียงหนึ่ง มุดๆ ไปกันเรื่อยๆ ไม่เร่ง ไม่รีบ

 

 

 

 

ป่าแห้งมากๆ แดดแรงด้วยวันนี้ แต่รับรองว่าไหว! และหากใครต้องการตัวช่วยในการเดิน ก็ใช้ไม้เท้าได้ พี่ๆเจ้าหน้าที่จะจัดหาให้

 

 

เดินเรื่อยๆ ก็จะชันเรื่อยๆ

 

 

กำลังใจจากสายตา ในการสั่งการให้ขามันก้าวเดิน

 

 

 

 

มองไปรอบๆ จะเจอความงามของต้นไม้ ใบไม้ ดอกไม้ ออกมาอวดโฉมให้เราได้ชื่นชมกัน

 

 

ขี้หมาใน

เจ้าหน้าที่บอกว่ามันคือ ขี้หมาใน (หมาในเป็นหมาป่า) เราจะเจอตลอดทางเดินป่าเส้นนี้ ซึ่งนั่นหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่ามีสัตว์อาศัยอยู่ เราก็ต้องเที่ยวแบบไม่รบกวนธรรมชาติ ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของทางอุทยาน และที่สำคัญ ห้ามทิ้งขยะเรี่ยราดเด็ดขาด

  

 

ยิ่งสูงมากขึ้น ก็จะเจอต้นสนที่มากตาม 

 

 

 

 

ยิ่งสูงก็ยิ่งชัน แต่ความร่มรื่นปกคลุมไปทุกรอยเท้าที่เราเดิน

 

 

 

เพื่อนกำลังชี้ให้ดู ว่าเราเดินผ่านเขามาแล้วกี่ลูก...ผ่านความชันมาแล้วเท่าไร..
อยากรู้ใช่ไหม... มาเดินเอง!!!

 

เดินข้ามผ่านประตูนี้ไป เป็นอันถึงที่พักดอยจง เตรียมถ่ายรูปกับป้ายต้อนรับ "ดอยจง 1,379 เมตร"

 

ศาลา กางเต้นท์ได้ อย่าได้กลัวฝน สบาย และยังมีเรือนนอน ด้านในกว้างมาก มีห้องน้ำด้วย อาบน้ำได้ เข้าส้วมได้

พี่เจ้าหน้าที่ บอกว่า ที่นี่เคยเป็นสถานที่ของ ทอ. แต่ปัจจุบันไม่ได้ใช้แล้ว ต้องขอขอบคุณ นักเดินป่าอย่างๆเราๆจึงมีที่นอนพักแบบสบายๆ

 

 

 

 

 

 

อาหารการกิน เราก็ต้องตระเตรียมแบกเอาขึ้นไปทำกันข้างบน บรรยากาศก็คงประเมินค่าไม่ได้ เพราะมูลค่าน่าจะอยู่ในจิตใจของเราทุกคน ที่ได้มาสัมผัสกับป่าเขาแห่งนี้ อร่อยหรือไม่ แต่ละคนคงมีผลคะแนนอยู่ในใจ

 

 

 

 

ทำอาหารเสร็จ ก็ไปชมวิวกันหน่อย บอกได้เลยว่า คุ้มค่าเหนื่อยที่เดินขึ้นมา

 

 

 

 

 

ภาพถัดมาที่ยามเช้า มันเป็นเช้าที่เราโล่งมากที่สุดอีกเช้าหนึ่งของชีวิต เพียงกาแฟ ขนมปังปิ้ง ก็พอจะเติมความสุขในหัวใจ

 

 

 

 

จากนั้นเราก็เดินลงยาวๆ

ทีมเราเน้นเดินเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก ใช้เวลาตอนเดินลงประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าๆ ก็จะถึงจุดเริ่มเดินเท้าด้านล่าง

ถึงจุดนั้นจะมีรถโฟวิลของอุทยานฯมารอรับเราไปส่งที่ทำการอุทยานฯ เป็นอันว่าจบทริปพิชิตดอยจงลงอย่างสวยงาม

 

 

 

 

บทสรุปรายละเอียดค่าใช้จ่าย เราจ่ายค่าเจ้าหน้าที่อุทยานฯ คนละ 500 บาท (2 คน) 1000 บาท ที่เหลือเป็นค่าอาหาร ค่ารถโดยสารที่เราทั้ง 7 คนลงขันกัน หารเฉลี่ยกัน ตกคนละ 1,661 บาท

เรากลับถึงกรุงเทพฯ ด้วยหัวใจที่เบิกบาน และอย่างน้อยก็ยังได้ปลอบหัวใจ และปอดของตัวเองว่าอย่างน้อย เราก็พานายไป"โล่ง" มาแล้วนะ

 ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

จีนเปลี่ยนทะเลทรายเป็นผืนป่า 87.5 ล้านไร่