"หนังเอาไปทำยา งาเอาไปทำของประดับ" หายนะของ "ช้างเอเชีย" ในเมียนมาร์

by ThaiQuote, 17 กุมภาพันธ์ 2563

การล่าช้างเพื่อเอางาคิดว่าเลวร้ายที่สุดแล้ว แต่ล่าเพื่อเอาหนังช้าง กลับน่าสลดหดหู่ใจยิ่งกว่า แต่ก่อนช้างตัวเมียยังพอมีทางรอดเพราะไม่มีงา แต่การล่าเพื่อเอาหนังช้าง ถือเป็นชะตากรรมของช้างทุกตัว ไม่ว่าอายุเท่าไหร่ หรือเพศอะไร ถูกล่าหมด นี่คือ”หายนะของช้างเอเชีย”โดยแท้

Elephant Family องค์กรการกุศลเพื่อช่วยเหลือช้างในอังกฤษ ออกเตือนว่า ปัจจุบัน การค้าหนังช้างในตลาดออนไลน์จีน นับวันจะเติบโตขึ้นเร็วมาก กำลังคุกคามชีวิตช้างในประเทศเมียนมาร์อย่างหนัก โดยผ่านการล่าสัตว์อย่างผิดกฎหมายที่รุนแรงขึ้นทุกวัน เพื่อตอบสนองความต้องการที่ไม่หยุดยั้ง ทำให้ความอยู่รอดของช้างในเมียนมาร์ตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงอย่างมาก โดยพบช้างป่าถูกฆ่าตายเพิ่มขึ้นทุกปี จากกระแสลักลอบล่าช้าง เพื่อนำหนังไปขายในจีน โดยนำมาบดเป็นยาบำรุงชั้นเยี่ยม

 

โดยเมื่อปีก่อนนี้ เว็บไซต์ เมล์ออนไลน์ ของอังกฤษได้เสนอภาพอันน่ากลัวและสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่งของช้างป่าเชือกหนึ่งในป่าฝนของเมียนมาร์ ซึ่งถูกฆ่าถลกหนังเพื่อนำผิวหนังช้างไปใช้ในการแพทย์และทำเครื่องประดับแบบใหม่ เนื่องจากเป็นที่นิยมและต้องการอย่างมากในจีนแผ่นดินใหญ่ โดยเจ้าหน้าที่ Elephant Family องค์กรการกุศลของอังกฤษ เจอช้างเชือกนี้ขณะติดตามขบวนการลักลอบล่าสัตว์

สำหรับการวิธีการของขบวนการลักลอบล่าช้าง จะนำหนังหนาๆ ของช้างมาบดเป็นผง ก่อนส่งออกไปขายในจีน ด้วยมีความเชื่อว่า เมื่อนำหนังช้างผงมาใช้แล้ว จะช่วยรักษาอาการปวดท้องหรือโรคผิวหนังได้ อีกวิธีหนึ่งคือนำไปแปรรูปขายเป็นเครื่องประดับในรูปของลูกปัดหรือจี้
โดยหนังช้างจะถูกแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์หลักๆอยู่ 2 แบบ คือ

1.) สรรพคุณทางยา โดยนำหนังช้างไปแปรรูปเป็นผงหนังช้าง สารตั้งต้นผลิตยารักษาโรคพื้นบ้านใช้กับอาการเกี่ยวกับช่องท้อง รักษาอาการปวดท้าง บางแห่งอ้างว่าสามารถรักษามะเร็งในช่องท้องได้ หรือนำหนังช้างผสมกับไขมันช้าง ทำเป็นครีมรักษาการติดเชื้อทางผิวหนัง

2.) ทำเครื่องประดับ โดยเอาเนื้อใต้หนังไปตากแห้ง และปรับรูปให้เป็นเครื่องประดับ เช่น กำไลข้อมือ สร้อยคอ เครื่องประดับพื้นเมือง และนำหนังส่วนที่เหลือขายในรูปต่างหูแบบพวงระย้า โดยจะถูกนำไปประกาศขายในตลาดออนไลน์ของจีนว่าเป็นเครื่องประดับหายาก น่าสะสม โดยแหล่งแปรรูปหนังช้างรายใหญ่ อยู่ที่เมียนมาร์และลาว

 

ขณะที่ผู้ค้าจะโพสต์ภาพผลิตภัณฑ์จากหนังช้างบนโซเชียล มีเดีย และแอปพลิเคชันแชท และส่งให้ลูกค้าผ่านทางไปรษณีย์ ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ยังมีวางจำหน่ายในมณฑลยูนนาน กวางตุ้ง และฝูเจี้ยน แต่ผู้ใช้บางส่วนนิยมซื้อหนังช้างแห้งเป็นแผ่นๆ ที่ยังมีขนช้างติดอยู่เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นหนังช้างแท้ แล้วจึงนำไปบดเป็นผงเอง

เป็นที่ทราบกันดีว่า มันเรื่องผิดกฎหมายเรื่องการค้าสัตว์ป่าข้ามชาติ แต่ที่น่าหดหู่ไปกว่าคือสภาพศพที่หนังถูกถลกออกจากหัวเหลือทิ้งแต่ตาอย่างน่ากลัว ทำให้คิดถึงการทรมาน สงคราม การฆาตกรรมหมู่ ไม่เคยเห็นการกระทำใดที่ทารุณกับช้างได้ถึงขนาดนี้ เราได้แต่สงสัยว่าตอนที่พวกเขาถลกหนังออก ช้างตายลงหรือยัง หรือแค่กำลังจะตายเพราะยาพิษอย่างทรมาน

 

รายงานยังเผยอีกว่า หายนะยิ่งกว่าการฆ่าช้างเพื่อเอางาคือช้างทุกตัวมีหนัง ไม่ว่าจะอายุเท่าไร เพศอะไร ก็ถูกฆ่าได้หมด ต่างกับการล่าเพื่อเอางาที่ช้างตัวเมียซึ่งไม่มีงาจะเหลือรอด จึงมีโอกาสสืบพันธุ์ขยายพันธุ์ได้อีก

 

ทั้งนี้ จากรายงานอ้างข้อมูลของกรมป่าไม้เมียนมาร์พบว่า ในปีพ.ศ.2553 พบซากช้าง 4 ตัว พ.ศ.2556 พบช้างถูกฆ่า 26 ตัว และในปี 2559 จำนวนช้างที่ถูกฆ่าอยู่ที่ 61 ตัว และเมื่อปี 2561 ระบุว่าอยู่ที่ 59 ตัว แต่การคาดการณ์จากหลายแหล่งประเมินว่า จำนวนที่แท้จริงน่าจะสูงกว่านี้มาก โดยสาเหตุการตายส่วนใหญ่เกิดจากการฆ่าช้างเพื่อเอาชิ้นส่วน โดยวิธีการทำให้ช้างตายก่อนที่จะถลกหนัง คือ การยิงลูกดอกอาบยาพิษให้ช้างตายช้าๆ อย่างทรมาน

ขณะที่ทางการจีนก็ยอมรับว่าประเทศของพวกเขามีบทบาทสำคัญในธุรกิจล่าช้าง แม้จะมีการสั่งห้ามการค้างาช้างและปิดตลาดงาช้างในประเทศ แต่นั่นก็ไม่สามารถหยุดยั้งไม่ให้ชาวจีนข้ามแดนไปยังพม่าเพื่อบริโภคผลิตภัณฑ์เหล่านั้นได้ และที่เลวร้ายไปกว่านั้นธุรกิจล่าช้างกำลังคืบคลานขยายไปยังประเทศอื่นๆ นอกจากพม่าอีกด้วย

 

อย่างไรก็ตาม จากการเก็บข้อมูลทางสถิติล่าสุด ชี้ว่าปัจจุบันนี้ประชากรช้างในเอเชียเหลืออยู่แค่ 3-5 หมื่นตัว หรือไม่ถึง 10% ของประชากรช้างในแอฟริกา และคาดว่าในเมียนมาร์มีเหลืออยู่ไม่ถึง 2,000 ตัวทั่วประเทศ หากอัตราการล่าช้างเพื่อเอาหนังยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆอย่างนี้ โดยไม่มีหน่วยงานของรัฐบาลเมียนมาร์ ออกมาตรการดูแลช้างอย่างจริงจัง เชื่อว่า ช้างในเมียนมาร์อาจต้องสูญพันธุ์ภายในเวลาไม่กี่ปีนี้แน่นอน

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ