“ยังไม่ถึงที่ตาย" จากใจอดีตคอมมิวนิสต์ ที่มอง "อนาคตใหม่"

by ThaiQuote, 23 กุมภาพันธ์ 2563

โดย....กองบรรณาธิการ ThaiQuote
เย็นวันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 ก็คงจะเป็นแค่วันธรรมดาวันหนึ่ง หากไม่นับว่าวันนี้ถูกบันทึกเป็นประวัติศาสตร์หน้าการเมืองไทยอีกครั้ง หลังศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่ นำไปสู่การประกาศจัดตั้ง “คณะอนาคตใหม่” ขึ้นมาของแกนนำเดินเกมการเมืองนอกสภา

วงร่ำสุราของเหล่ากระจอกข่าวในเย็นวันศุกร์นั้น มันจึงออกรสออกชาติมากกว่าเดิม แม้จะเป็นวงเล็กๆ อยู่ในมุมหนึ่งของร้านลาบที่บางตาผู้คน แต่แขกรับเชิญที่มาร่วมวงสนทนาประเด็นการเมืองที่ร้อนและแรงที่สุดในค่ำวันนั้น เป็น อดีตผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.) กลุ่มคนที่ในช่วงหนึ่งก็เคยมีบทบาทการต่อสู้ในเส้นทางการเมืองของประเทศไทยมาอย่างโชกโชน ผกค.คนนี้ที่ร่วมวงกับเรา เขามีชื่อเรียกว่า “สหายชิ้น”

“สหายชิ้น เที่ยงธรรม” ลูกชายนายทหารประจำค่ายใหญ่ทางปักษ์ใต้ ผู้เดินเข้าสู่แนวร่วมของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เมื่ออายุพอทำบัตรประชาชนได้ครั้งแรก เขาเริ่มต้นในยุค “แสวงหา” ที่ทางการไทยบีบบังคับให้เหล่านักศึกษาและประชาชนเดินเข้าป่า และมอบนิยาม ผกค.(ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์) ไว้ตราหน้า

แรกเริ่มเดิมทีความตั้งใจของ “สหายชิ้น” คือการจับปืนต่อสู้ แต่ด้วยลักษณะท่าทางสันทัด จัดเจน จึงได้รับมอบหมายให้ทำงานมวลชน ต้อนรับสหายจากทั่วสารทิศเข้าสู่เขตอำนวยการ จนกระทั่งวันหนึ่ง “สหายชิ้น” ต้องตกอยู่ในเหตุการณ์ “ใบไม้ร่วง” เมื่อมีการเด็ดหัว ผกค.กลางตลาดสด วันนั้นมีผู้รอดชีวิตเพียง 1 เดียว คือตัวเขา ซึ่งอีก 40 ปีต่อมา จึงได้รู้สาเหตุที่ตนเองรอดตายในเย็นวันนั้น เพราะเขาคือลูกของพ่อ พ่อที่เป็นทหารได้ขอเอาไว้ บารมีอำนาจของพ่อทำให้เขารอดกระสุนปืน

หลังเหตุการณ์นั้น “สหายชิ้น” ถูกตราหน้าว่าเป็น “พวกชังชาติ” ต้องย้ายที่อยู่จากในค่ายทหารขึ้นมาแสวงหาชีวิตใหม่ในเมืองหลวง จับงานเล็กน้อยๆ อย่างไม่เลือก จับพลัดจับพลูจนกลายเป็นนักข่าว สู่การเป็นผู้อาวุโสในวงการสื่อ ณ ปัจจุบัน ให้เด็กรุ่นหลังอย่างเราได้อาศัยเป็นแหล่งข่าวชั้นครู

สหายชิ้น เปิดฉากเล่าเรื่องของการยุบพรรคอนาคตใหม่ที่เกิดขึ้น โดยเขาระบุว่า สิ่งที่เกิดกับอนาคตใหม่ "มันเป็นวิธีกำจัดศัตรูทางการเมืองที่เดินเกมผิด" เพราะเคยสังเกตหรือไม่ว่า อนาคตใหม่ทำงานจากเขตชุมชนไปสู่ชนบท ทฤษฎีคล้ายพรรคคอมมิวนิสต์ แต่ของพรรคคอมมิวนิสต์จะแตกต่างตรงที่เป็น "ยุทธการป่าล้อมเมือง" ขยายฐานจากชนบทไปสู่เมือง เขาเรียกวิธีการปักธง

"อนาคตใหม่ขยายจากตลาดไปสู่หมู่บ้าน ขายความคิดของตนเอง หยั่งเชิง สร้างแนวร่วม" สหายชิ้น วิเคราะห์ให้เราฟัง และมันพอทำให้เห็นแววตาของสหายชิ้นมีประกายเมื่อพูดถึงประเด็นการยุบพรรคอนาคตใหม่ หรือมันอาจทำให้เขาได้ย้อนนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต

เหล้าผสมโซดาผ่านแก้วแล้วแก้วเล่า สหายชิ้นก็ขอสาธยายเพิ่มเติมเข้าไปอีก เขาบอกว่า หากสังเกตยุทธวิธีของพรรคอนาคตใหม่ในการหาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมา คือ การเดินลงไปเคาะประตูเข้าถึงประชาชนในพื้นที่ต่างๆ และการใช้สื่อโซเชียลเข้าถึงกลุ่มคนเมือง และคนรุ่นใหม่ การสร้างฐานเสียงด้วยแนวคิดนโยบายที่กุมใจคนซึ่งเบื่อพรรคการเมืองเดิมๆ

“การทำงานการเมืองแบบนี้ เขาเรียกว่าการทำการเมืองเชิงวิจัย คนที่ทำสำเร็จคือ “ทักษิณ ชินวัตร” ซึ่งทำโพลล์ของตัวเองขึ้นมาในสนามเลือกตั้ง ก่อนต่อยอดจากไทยรักไทย มา พลังประชาชน และกลายเป็น เพื่อไทย ในตอนนี้” สหายชิ้นบอกกับเรา พร้อมยกแก้วที่ประปรายด้วยละอองไอเย็นขึ้นจิบน้ำสีอำพัน

เมื่อเราถามว่า แนวทางของพรรคอนาคตใหม่จะเป็นอย่างไรต่อไป พรรคจะเอาคนลงถนนอย่างที่ใครๆมองหรือไม่ เราได้รับคำตอบว่า

“ธีมมันเปลี่ยนไปแล้ว แต่การเมืองมันไม่ได้เปรียบไปจากเดิม เหมือนวันที่มีพรรคคอมมิวนิสต์ วันที่ยุบไทยรักไทย ยุบพลังประชาชน แค่ว่าต่อจากนี้มันจะไม่ใช่การเมืองบนท้องถนนอีกแล้ว เป็นการเมืองแบบแทรกซึมแทน ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพ มันก็เหมือนเมื่อกว่า 40 ปีที่แล้ว ทางการกดดันให้นักศึกษาเข้าป่า แต่วันนี้รัฐบาลกำลังผลักดันให้อนาคตใหม่เข้าสู่ตลาด เอ็งลองคิดดูว่าใครจะได้เปรียบใคร” อดีต ผกค.อย่าง “สหายชิ้น” ทิ้งท้ายไว้ด้วยคำถามที่ใครบางคนไม่อยากได้ยิน

 

ข่าวที่น่าสนใจ