เริ่มสำแดงเดช อนาคตใหม่อัดรัฐบาลใช้ “IO” คุกคามประชาชน "บิ๊กตู่" ยังไม่แจง

by ThaiQuote, 26 กุมภาพันธ์ 2563

กระหึ่มรัฐสภา “อนาคตใหม่” ถามบิ๊กตู่ ใช้ปฏิบัติการข่าวสาร “IO” คุกคามประชาชนหรือไม่ งัดเอกสารลับแฉ มีทั้งเซ็ทอัพกำลังคนทำงาน แบ่งงบประมาณคนไทยไปสนับสนุน?

ดึกของวันที่ 2 ในเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิสร ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ ลุกขึ้นอภิปรายพุ่งเป้าไปที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ กำลังใช้ปฏิบัติการด้านข่าวสารและข้อมูล หรือ Information Operation (IO) ปลุกปั่นสร้างความแตกแยกในสังคม คุกคามประชาชน รวมไปถึงสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์กำลังทำ และสั่งการกำลังทำให้คนไทยแตกความสามัคคี โดยนายวิโรจน์ถึงกับใช้คำว่า หากคนไทยลุกมาฆ่ากันเองจะรับผิดชอบอย่างไร

หลักฐานที่นายวิโรจน์นำมาเผยแพร่ต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อ้างว่ามาจากคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ซึ่งในนี้มีเอกสารของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) หน่วยงานที่ขึ้นตรงกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายวิโรจน์ กล่าวอ้างอิงตามเอกสารว่า ในหน้าที่ 14 ข้อ 10 ระบุว่ามีการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนให้กับเว็บไซต์ที่ชื่อว่า pulony.blogspot.com อันเป็นเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาคอยโจมตีนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ชายแดนใต้ พร้อมกันนี้ ยังอ้างด้วยว่ามีการพบเพจเฟซบุ๊กที่จะคอยแชร์เนื้อหาจากเว็บไซต์นี้ออกไป โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความแตกแยก ทำลายสันติสุขในพื้นที่

ปฏิบัติการชำแหละ IO ที่ฝ่ายค้านหยิบมาอ้างถึงความเชื่อมโยงไปยังรัฐบาลยังไม่หมดเพียงแค่นั้น นายวิโรจน์ยังยืนอภิปรายและระบุอีกว่า รัฐบาลพยายามใช้ IO เพื่อทางการเมืองเพื่อโจมตีฝั่งตรงข้ามของรัฐบาลอีกด้วย รวมไปถึงการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ของรัฐมาช่วยในปฏิบัติการข่าวสารข้อมูล

เอกสารลับจากที่นายวิโรจน์อ้างว่าเป็นหลักฐานและได้รับมา มีอยู่ 3 ฉบับที่เขาระบุว่ารัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาอยู่เบื้องหลัง เขาอธิบายในแต่ละเอกสารว่า ฉบับแรกเป็นเอกสารที่ระบุถึงการอบรมให้ความมรู้กับเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ปฏิบัติการข่าวสารข้อมูล เนื้อหาข้อ 1.1 ระบุถึงการซักซ้อมการปฏิบัติการข่าวสารที่หน่วยเหนือมอบให้ในแต่ละวัน และมีการแนะนำวิธีการโพสต์ข้อความให้สลับสับเปลี่ยนเพื่อป้องกันการจับได้ว่าเป็นเฟซบุ๊กปลอม หรือเฟซบุ๊กอวตาร

 

นายวิโรจน์ยังอ้างถึงข้อ 1.3.2 ระบุว่า เจ้าหน้าที่ลงบัญชีเฟซบุ๊กอวตารหรือบัญชีผู้ใช้ปลอมหลายบัญชี เพื่อตอบโต้และพลีชีพทางออนไลน์ รวมไปถึง ข้อที่ 1.3.3 แนะนำให้เจ้าหน้าที่สร้างบัญชีเฟซบุ๊กอวตาร ไม่ให้เกี่ยวข้องกับบัญชีผู้ใช้หลักเพื่อป้องกันการถูกจับได้ และยังมีข้อ 1.4.1 ให้เจ้าหน้าที่รับทราบและรายงานภารกิจทางกลุ่มไลน์ภายในเวลา 17 นาฬิกาของแต่ละวันตามแบบฟอร์มที่ส่งให้ และระบุในข้อ 2.2 ว่ามีการสนับสนุนค่าโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตเดือนละ 2,000 บาท โดยเอกสารลับชุดแรกนี้ลงคำสั่งวันที่ 25 เมษายน 2562

นายวิโรจ์ อธิบายถึงเอกสารลับฉบับที่ 2 อีกว่า เป็นเรื่องสรุปผลการทำงานของเจ้าหน้าที่ มีการอ้างว่าเจ้าหน้าที่ที่ว่าคือหน่วยทหารระดับกองพล มีการเซ็ทอัพผู้ปฏิบัติการที่ถูกตั้งไว้หน่วยละ 5 นาย กำชับให้ส่งข้อมูลยืนยันทุกๆ วันที่ 5 ของเดือน พร้อมกันนี้ ในทุกปฏิบัติการจะมีค่าสนับสนุนค่าโทรศัพท์รายเดือนให้กับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการเดือนละ 300 บาท/คน ซึ่งประเด็นนี้นายวิโรจน์อ้างว่าเป็นเงินมาจากภาษีของประชาชน เอกสารชุดที่ 2 นี้ ถูกลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562

ส่วนเอกสารลับฉบับที่ 3 นายวิโรจน์ อ้างว่า เป็นผลสรุปการประชุมที่มีเนื้อหาเหมือนกับฉบับที่ 2 แต่จะแตกต่างกันตรงที่เงินสนับสนุนค่าปฏิบัติการข่าวสารจะเหลือสนับสนุนให้คนละ 100 บาท

อย่างไรก็ตาม นายวิโรจน์ อภิปรายว่าทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นถือเป็นภัยคุกคามประชาชนผ่านโซเชียลมีเดียที่มาจากรัฐบาล มีการสั่งการ สนับสนุนอย่างเป็นระบบและมีการใช้งบประมาณ พร้อมกับตั้งคำถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ อยู่เบื้องหลังปฏิบัติการเหล่านี้ด้วยหรือไม่

แน่นอนว่าสิ่งที่นายวิโรจน์นำเสนอและอภิปรายในที่ประชุมสภา ถือเป็นเรื่องที่ร้อนแรงอย่างมากจนทำให้ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้านลุกขึ้นประท้วงอย่างแพร่หลาย และกล่าวหาว่านายวิโรจน์ใช้ข้อมูลเท็จเพื่อใส่ร้ายป้ายสีพล.อ.ประยุทธ์ และกล่าวว่าข้อมูลของนายวิโรจน์ที่ได้มา ก็มาจากการปฏิบัติการ IO จากฝั่งของตัวเองเช่นกัน โดยเฉพาะข้อมูลจากเพจพระเจ้าที่ถูกฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาลหยิบมาโจมตีนายวิโรจน์เช่นกัน พร้อมกับระบุว่าข้อมูลทั้งหมดมาจากเพจเฟซบุ๊กเพจนี้

"ถ้าคนไทยฆ่ากันเอง พล.อ.ประยุทธ์ จะรับผิดชอบอย่างไร และอาจจะเป็นคนแรกที่ต้องไปขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศเพราะมีพฤติกรรมสนับสนุนสร้างความเกลียดชัง สร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชน ทำลายความสามัคคีของคนในชาติ และยืนยันว่าหลักฐานที่ได้มานั้น ได้มาจากทหาร ไม่ใช่มาจากเพจพระเจ้า และผมก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเพจนี้" ท่อนหนึ่งของการอภิปรายเรื่องปฏิบัติการข่าวสารและข้อมูลจากนายวิโรจน์ที่กระหึ่มในกลางดึกคืนที่ผ่านมาที่รัฐสภา

อย่างไรก็ตาม การประชุมรัฐสภายังไม่ได้ยินคำชี้แจงในเรื่องนี้จากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะนายกรัฐมนตรี ได้ขอเดินทางกลับก่อนการอภิปรายจากนายวิโรจน์เสร็จสิ้น

ข่าวที่น่าสนใจ