“หมอศิริราช” แนะทำตัวเองให้แข็งแรง “สู้โควิด-19” ก่อนไทยเข้าสู่ระยะที่ 3

by ThaiQuote, 20 มีนาคม 2563

“หมอศิริราช” แนะหากประเทศไทย เข้าสู่ระยะที่ 3 ประชาชนควรเตรียมรับมืออย่างไร เพื่อเป้าหมายของการลดการระบาดของโรคไวรัสโควิด-19

รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล เปิดเผยผ่าน “รายการสุขภาพดีศิริราช” ว่า การที่ประเทศไทย จะเข้าสู่ระยะที่ 3 ของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้น จะต้องมีการระบาดที่กระจายไปสู่ชุมชน ทำให้ทุกคนมีโอกาสที่จะเป็นกลุ่มเสี่ยงด้วยกันทั้งหมด และมีความรุนแรงของโรคที่แตกต่างกันในแต่ละคน โดยจำนวนผู้ป่วยต้องสูงขึ้นเป็นหลักพันคนด้วย


ทั้งนี้ เมื่ออยู่ในระยะที่ 3 แล้วคาดว่า จะมีผู้ป่วยที่มีอาการของโรคไวรัสโควิด-19 ไม่รุนแรง ประมาณร้อยละ 80 มีอาการปานกลางร้อยละ 15 และ มีอาการรุนแรงร้อยละ 5 โดยมีเข้าสู่ระยะนี้แล้ว ทุกโรงพยาบาลทั้งรัฐ-เอกชนจะต้องระดมทีมแพทย์พยาบาลมาเพื่อดูแลผู้ป่วยโควิด-19 เป็นหลัก

สำหรับการเตรียมการของภาครัฐนั้น พื้นที่ กทม.จะต้องมีโรงพยาบาลที่พร้อมจะรองรับผู้ป่วยรุนแรงประมาณ 500 คน ก่อนจะมีการขยายโรงพยาบาลเฉพาะกิจให้เข้าไปใกล้พื้นที่ชุมชนเพื่อเป็นแนวหน้าในการรับผู้ป่วย และจะรับผู้ป่วยเฉพาะประชาชนที่อยู่ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น

ด้านการจำแนกประชาชนอยู่ในประเภทกลุ่มเสี่ยงได้แก่ 1.ผู้ที่เดินทางกลับมาจากประเทศเสี่ยง 2.ผู้ที่ทำงานอยู่ในสถานที่แออัด ไม่มีอากาศถ่ายเท เช่น ผับบาร์ สถานบันเทิง สนามมวย 3.ผู้ที่สัมผัสกับผู้ป่วยหรือผู้ที่ติดเชื้อ 4.ผู้ที่มีอาการคล้ายไข้หวัด

ในส่วนของประชาชนนั้น เมื่อเข้าสู่ระยะที่ 3 ของการระบาดของไวรัสโควิด-19 จะต้องปฏิบัติตัวดังนี้ 1.หลีกเลี่ยงการออกจาที่พัก รักษาสุขอนามัย กินอาหาร พักผ่อนให้เพียงพอ ทำให้ร่างกายแข็งแรง 2.หากมีความจำเป็นต้องออกนอกบ้าน ควรสวมใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้ง หลีกเลี่ยงพื้นที่สาธารณะที่มีคนรวมกันอยู่มาก เดินห่างกันประมาณ 1 ม. 3.หากป่วยต้องรีบพบแพทย์

อย่างไรก็ตามในระยะนี้ประชาชนทุกคนต้องช่วยกัน รักษาสุขภาพของตัวเองให้แข็งแรง ป้องกันตัวเองไม่ให้ป่วย ในส่วนของภาครัฐและสาธารณสุขก็จะปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรค เพื่อลดจำนวนการป่วยของโรคให้ได้มากที่สุด

“เมื่อเข้าสู่ระยะที่ 3 แล้ว ทุกคนต้องช่วยกัน ทั้งการสร้างโรงพยาบาลเฉพาะกิจ ซึ่งเรามีสถานที่เตรียมไว้แล้ว วิศกรจะต้องช่วยกันออกแบบสถานที่ และจะต้องมีจิตอาสาเพื่อช่วยกันดูแลผู้ป่วย ทำความสะอาด ทำอาหาร และจัดกิจกรรมออกกำลังกายให้กลับผู้ป่วยในขั้นไม่รุนแรงเพื่อฟื้นฟูร่างกายให้สามารถกลับบ้านได้ ถึงเวลานั้นทุกคนต้องร่วมด้วยช่วยกัน” นพ.นิธิพัฒน์ กล่าว

ข่าวที่น่าสนใจ