“กยศ.”ออก 8 มาตรการเร่งด่วน ช่วยลูกหนี้ฝ่าวิกฤตไวรัสร้าย

by ThaiQuote, 19 เมษายน 2563

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจในวงกว้าง เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนในการดำรงชีพของผู้กู้ยืม และเพื่อให้ผู้กู้ยืมสามารถวางแผนการจัดการค่าใช้จ่ายระหว่างเดือนที่ยังคงมีสถานการณ์ไม่ปกติดังกล่าว กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. ได้มีมาตรการช่วยเหลือผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างชำระหนี้ ดังนี้

1.) ลดอัตราเบี้ยปรับจาก 7.5% เหลือ 0.5%
ในกรณีที่ผู้กู้ยืมยังไม่ถูกดำเนินคดีและไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด กองทุนจะปรับลดเบี้ยปรับให้กับผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างผ่อนชำระเงินกู้ยืมเป็นการชั่วคราว จากอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี เป็นอัตราร้อยละ 0.5 ต่อปี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน - 31 ธันวาคม 2563

2.) ลดจำนวนหักเงินเดือนเหลือ 10 บาทต่อคนต่อเดือน
กองทุนจะปรับลดจำนวนเงินที่แจ้งให้หักเงินเดือนเพื่อชำระเงินคืนกองทุนของผู้กู้ยืมทุกรายในกลุ่มหน่วยงานเอกชน จากจำนวนเงินที่เคยแจ้งหัก เป็นแจ้งให้นายจ้างหักเงินของผู้กู้ยืมทุกราย รายละ 10 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 30 มิถุนายน 2563 (ระยะเวลา 3 เดือน)
สำหรับผู้กู้ยืมกลุ่มปกติ ผู้กู้ยืมยังคงมีหน้าที่ไปชำระส่วนต่างเองตามช่องทางที่กองทุนกำหนดให้ครบตามจำนวนเงินงวดที่ต้องชำระ มิเช่นนั้นจะถือว่าผิดนัดชำระเงินคืนกองทุนผู้กู้ยืมเงินต้องชำระเงินเพิ่มอันได้แก่ เบี้ยปรับหรือค่าธรรมเนียมกรณีผิดนัดชำระเงินคืนในอัตราร้อยละ 0.5 ต่อปีของเงินต้นงวดที่ค้างชำระนั้น

สำหรับผู้กู้ยืมกลุ่มที่ถูกดำเนินคดี หากเป็นกลุ่มที่ได้รับสิทธิหักเดือนละ 10 บาท ยังต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลเป็นสำคัญ
ผู้กู้ยืมที่ทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาล ยังต้องชำระส่วนที่เหลือให้ครบในวันที่ 1-5 ของทุกเดือน มิฉะนั้นยังมีดอกเบี้ยและเบี้ยปรับตามที่ศาลกำหนด และอาจเข้าสู่กระบวนการบังคับคดี
ผู้กู้ยืมที่ศาลพิพากษาให้ชำระหนี้เสร็จสิ้น (ปิดบัญชีทั้งจำนวน) ยังต้องชำระตามที่ศาลสั่ง มิฉะนั้นยังมีดอกเบี้ยและเบี้ยปรับตามที่ศาลกำหนด และอาจเข้าสู่กระบวนการบังคับคดี สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line@กยศ.หักเงินเดือน

3.) ลดเบี้ยปรับ 80% สำหรับผู้กู้ยืมทุกกลุ่มที่ค้างชำระหนี้ และปิดบัญชีในครั้งเดียว
กรณีผู้กู้ยืมที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี ติดต่อชำระหนี้ที่ธนาคารกรุงไทยหรือธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
กรณีผู้กู้ยืมถูกดำเนินคดี ลงทะเบียนขอรับสิทธิได้ที่ https://www.studentloan.or.th/promotion โดยผู้กู้ยืมต้องชำระค่าทนายความและค่าฤชาธรรมเนียมศาลให้เสร็จสิ้นก่อนชำระหนี้ปิดบัญชี โดยขยายระยะเวลาเดิมที่สิ้นสุดวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นให้สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563
ผู้กู้ยืมเงินที่ลงทะเบียนขอรับสิทธิแล้วสามารถชำระหนี้ปิดบัญชีให้เสร็จสิ้นได้อีกภายใน 20 วันทำการ (ภายใน 30 ตุลาคม 2563)

4.) ลดเบี้ยปรับ 75% เฉพาะผู้กู้ยืมที่ยังไม่ถูกดำเนินคดีที่ชำระหนี้ค้างทั้งหมดให้มีสถานะปกติ (ไม่ค้างชำระ)
โดยติดต่อชำระหนี้ที่ธนาคารกรุงไทยหรือธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย โดยให้ขยายระยะเวลาเดิมที่สิ้นสุดวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นให้สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563

5.) พักชำระหนี้ให้แก่ผู้กู้ยืมที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2 ปี
ผู้กู้ยืมที่มีสถานะยังไม่ถูกดำเนินคดี จะได้รับการผ่อนผันการชำระหนี้ตามเงื่อนไข ผู้กู้ยืมสามารถลงทะเบียนยื่นคำขอรับสิทธิได้ที่ https://www.studentloan.or.th/promotion โดยขยายระยะเวลาเดิมที่สิ้นสุดวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นให้สิ้นสุดวันที่ 31 พฤษภาคม 2563
กรณีผู้ที่มีงวดชำระเป็นรายปี ได้รับสิทธิผ่อนผันการชำระหนี้งวดปี 2563 เป็นเวลา 2 ปี นับแต่วันที่กองทุนอนุมัติ โดยผู้กู้ยืมจะกลับมาชำระหนี้งวดปี 2563 ภายในวันที่ 5 กรกฎาคม 2565 และงวดที่เหลือในปีถัดไป

กรณีผู้ที่มีงวดชำระเป็นรายเดือน ให้ผ่อนผันการชำระหนี้ 24 เดือน นับตั้งแต่เดือนถัดไปที่กองทุนอนุมัติ โดยในระหว่างพักชำระหนี้ดังกล่าว กองทุนจะไม่ถือว่าผู้กู้ยืมผิดนัดชำระหนี้ กองทุนจะหยุดคิดดอกเบี้ย เบี้ยปรับ หรือค่าธรรมเนียมผิดนัดชำระหนี้ทั้งงวดที่ค้างชำระก่อนหน้าและงวดที่อยู่ระหว่างผ่อนผันการชำระหนี้ จนกว่าระยะเวลาพักชำระหนี้จะสิ้นสุด

6.) ผ่อนผันการชำระหนี้
ในกรณีสถานการณ์ที่มีความจำเป็นสำหรับผู้กู้ยืมที่ครบกำหนดชำระหนี้และไม่เป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้ สามารถยื่นคำขอผ่อนผันและส่งเอกสารหลักฐานไม่น้อยกว่า 60 วัน ก่อนครบกำหนดชำระหนี้ ในวันที่ 5 กรกฎาคม ซึ่งเป็นไปตามประกาศของกองทุนที่มีอยู่เดิมแล้ว ดังนี้

กรณีผู้กู้ยืมที่ไม่มีรายได้หรือมีรายได้ไม่เกิน 8,008 บาทต่อเดือน สามารถขอผ่อนผันได้ไม่เกิน 2 คราว คราวละไม่เกิน 1 ปี นับจากวันที่ได้รับอนุมัติ ซึ่งในช่วงเวลาที่ได้รับการผ่อนผัน ผู้กู้ยืมไม่ต้องชำระหนี้ทั้งเงินต้น และดอกเบี้ย รวมถึงยกเว้นเบี้ยปรับกรณีผิดนัดชำระหนี้ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ได้รับการผ่อนผันเป็นผู้ไม่มีรายได้

กรณีผู้กู้ยืมที่มีรายได้ถดถอย สามารถขอผ่อนผันให้ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ได้ตั้งแต่ 1.5 - 2.5 เท่าของระยะเวลาที่เหลืออยู่ตามสัญญากู้ยืมเดิม โดยขึ้นอยู่กับมูลหนี้คงเหลือ ในการชำระเงินงวดสุดท้ายผู้กู้ยืมต้องมีอายุ ไม่เกิน 60 ปี และผู้กู้ยืมจะต้องทำบันทึกข้อตกลงกับกองทุน เพื่อนำยอดหนี้คงเหลือมาคำนวณใหม่และเฉลี่ยให้ชำระในแต่ละเดือนเท่าๆ กันภายในระยะเวลาที่ได้รับการผ่อนผัน

7.) งดการขายทอดตลาด
สำหรับผู้กู้ยืม และ/หรือผู้ค้ำประกัน ที่กองทุนได้ดำเนินการยึดทรัพย์ไว้ทุกราย และขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการขายทอดตลาด กองทุนจะยื่นคำร้องของดการขายทอดตลาดทุกรายไปจนถึงสิ้นปี 2563 โดยจะต้องได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากผู้กู้ยืม และ/หรือ ผู้ค้ำประกันที่ถูกยึดทรัพย์ รวมทั้งผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น ผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วม ผู้รับจำนองที่ยึดไว้ (ถ้ามี) สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line@กยศ.คดี และบังคับคดี

8.) ชะลอการบังคับคดี
กองทุนฯ ได้มีการชะลอการบังคับคดีกับผู้กู้ยืมเงิน และผู้ค้ำประกันตามคำพิพากษา เว้นแต่กรณีที่การบังคับคดีใกล้พ้นระยะเวลาการบังคับคดี 10 ปี ยังคงต้องดำเนินการบังคับคดีไปตามปกติ ส่วนในคดีที่มีการยึดทรัพย์ไว้แล้ว กองทุนฯ จะชะลอการขายทอดตลาดไว้เป็นการชั่วคราว โดยมีเงื่อนไขว่า ผู้กู้ยืมเงิน หรือผู้ค้ำประกัน จะต้องทำบันทึกข้อตกลงไกล่เกลี่ยในชั้นบังคับคดีกับกองทุนฯ และไปยื่นคำร้องของดการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ถูกยึดไว้ ซึ่งในการงดการขายทอดตลาด เจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน และผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีทุกคนจะต้องให้ความยินยอมให้งดการขายทอดตลาด จึงจะสามารถงดการขายทอดตลาดได้ตามกฎหมายมาตรา 289 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง


ข่าวที่น่าสนใจ