ดอกผลแห่งความร่วมมือ เป็นพลังสำคัญของคนไทย “แก้ปัญหาขยะพลาสติก”

by ThaiQuote, 22 พฤษภาคม 2563

ถุงพลาสติกที่เคยใช้กันในเมืองไทยปีละ 13,500 ล้านใบ ที่กลายเป็นขยะหมักหมมก่อมลพิษทำลายสิ่งแวดล้อมมาช้านาน ทุกวันนี้ปริมาณการใช้ลดลงเรื่อยๆ รัฐสะท้อนเพราะ “คนไทยร่วมมือกัน”

 

จากช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการดำเนินมาตรการต่าง ๆ อย่างจริงจังในการแก้ไขปัญหาขยะทะเล และขยะพลาสติก จนเกิดเป็นมาตรการความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนที่จะร่วมกันงดการใช้ถุงพลาสติกหูหิ้วในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป

ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของประเทศที่แสดงถึงพลังความร่วมมือในการแก้ปัญหาขยะพลาสติกให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมร่วมกัน ซึ่งคาดว่า กิจกรรม “Everyday Say No To Plastic Bags” จะสามารถลดปริมาณขยะจากถุงพลาสติกหูหิ้วได้ถึงประมาณ 13,500 ล้านใบ

เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2562 คณะรัฐมนตรี ได้มีมติเห็นชอบกลไกการขับเคลื่อนการงดให้ถุงพลาสติกในห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต และ ร้านสะดวกซื้อ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นนโยบายความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการดำเนินงานเพื่อลดและเลิกใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง (Single – Use Plastic)

และเมื่อวันสิ่งแวดล้อมไทย 4 ธันวาคม 2562 ได้ประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันกับภาคีเครือข่ายภาคเอกชน ห้างสรรพสินค้า และร้านสะดวกซื้อ มากกว่า 70 บริษัท งดให้บริการถุงพลาสติกหูหิ้ว ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 รวมทั้งร่วมกันรณรงค์สร้างการรับรู้ให้ประชาชนเตรียมความพร้อมในเรื่องดังกล่าว

อีกทั้งกระทรวงฯ ได้มีแผนดำเนินกิจกรรมรณรงค์ “ทำความดีด้วยหัวใจ ลดรับ ลดให้ ลดใช้ถุงพลาสติก” ในทุกจังหวัดอย่างต่อเนื่อง ด้วยความร่วมมือกันระหว่างกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน (ทสม.) มุ่งสู่การบรรลุโรดแมป (Roadmap) การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561 – 2573 ที่มีเป้าหมาย คือ การลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ภายในปี 2565 ด้วยการใช้วัสดุทดแทนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาทุกภาคส่วนที่ได้ให้ความร่วมมือ จนเกิดกระแสตอบรับที่ดีจากประชาชน ถึงแม้ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ลดความสะดวกสบายในการจับจ่ายใช้สอยของตัวเองลง ดังเห็นได้จากผลสำรวจดุสิตโพล ที่พบว่า ประชาชนถึงร้อยละ 90 เห็นด้วยกับนโยบายงดแจกถุงฯ และมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนเองกันบ้างแล้ว

ปัจจุบันสามารถลดปริมาณการใช้ถุงพลาสติกหูหิ้วทั้งในตลาดสดเทศบาลและเอกชน รวมทั้งห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อได้แล้วกว่า 4,600 ล้านใบ (21 กรกฎาคม 2561 – เดือนกุมภาพันธ์ 2563) และมีห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อกว่า 90 บริษัท ที่ร่วมกันขับเคลื่อนนโยบาย ถึงแม้อาจทำให้เกิดความไม่สะดวกสบายแก่ลูกค้า หรือเกิดปัญหาอุปสรรคมากมาย แต่ทุกบริษัทยินดีให้ความร่วมมือกับภาครัฐ และร่วมกันหาทางออกที่ดีให้กับลูกค้า

และในปีนี้กรมฯ มีเป้าหมายขยายความร่วมมือไปยังตลาดสดทั่วประเทศ เนื่องจากข้อมูลของสถาบันพลาสติก พบว่า มีปริมาณการใช้ถุงพลาสติกหูหิ้วในประเทศไทย จำนวน 45,000 ล้านใบ/ปี โดยร้อยละ 40 หรือประมาณ 18,000 ล้านใบ มาจากตลาดสดเทศบาลและเอกชน/แผงลอย/อื่น ๆ จึงจำเป็นต้องสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วน โดยจะขยายความร่วมมือ ตลอดจนรณรงค์สร้างการรับรู้ เชิญชวนคนไทยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างต่อเนื่อง

จะเห็นได้ว่าการขับเคลื่อนนโยบายการจัดการขยะพลาสติกของประเทศไทยมีความก้าวหน้าไปมากเป็นลำดับ สามารถลดต้นทุนในการบริหารจัดการขยะ และที่สำคัญสามารถลดปริมาณขยะพลาสติกที่หลุดรอดลงสู่ทะเลได้เป็นจำนวนมาก เป็นผลมาจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน

และที่สำคัญประชาชนให้ความร่วมมือปรับตัวกันมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำถุงผ้า ตะกร้า ปิ่นโต หรือรถเข็น เพื่อไปซื้อของที่ตลาด ห้างสรรพสินค้า และร้านค้าต่าง ๆ จนเกิดความเคยชินและติดเป็นนิสัย พร้อมบอกต่อคนใกล้ตัวให้ปฏิบัติตาม ถึงแม้บางคนจะยังไม่คุ้นเคยกับการพกถุงผ้า แต่มีความพยายามที่จะปฏิบัติตาม เพราะเข้าใจถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ประเทศไทย และโลกของเรากำลังประสบอยู่ ขอเพียงร่วมมือร่วมใจกันอย่างจริงจัง

ที่มา กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม

 

ข่าวที่น่าสนใจ