ตัดเกรด 1 ปี 5 กระทรวงหลักของรัฐบาล “ลุงตู่” ใครชนะ ใครต้องเร่งมือ คนไทยเชิญให้คะแนน

by ThaiQuote, 5 มิถุนายน 2563

โดย...กองบรรณาธิการ ThaiQuote


ครบรอบขวบปีไปแล้ว สำหรับการทำงานบริหารประเทศของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรี

ผลงานหลากหลายเริ่มออกดอกผลเป็นที่ประจักษ์ ผ่านการเซ็ทอัพคณะรัฐมนตรี (ครม.) จากหลากหลายพรรคร่วมรัฐบาลที่เข้ามาเสริมงานกับพล.อ.ประยุทธ์ และพรรคพลังประชารัฐ มาจนถึงวันนี้ สำหรับ 5 กระทรวงเกรดเอของเมืองไทยที่ลิสต์กันเอาไว้คือ

1.กระทรวงการคลัง
2.กระทรวงพาณิชย์
3.กระทรวงพลังงาน
4.กระทรวงมหาดไทย
5.กระทรวงสาธารณสุข

ผลงานของรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงทั้ง 5 แห่ง เมื่อถึงครบขวบปีแล้ว มีโปรเจกค์ไหนที่โดดเด่นออกมาบ้าง Thaiquote ขอเอาผลงานมาอวดสายตาคอการเมือง ในฐานะที่พวกเขาเหล่ารัฐมนตรีเข้ามาอาสารับใช้ทำงาน จะถูกอกถูกใจกันมากแค่ไหน ท่ามกลางการลือหนาหูมากขึ้นว่า เวลาที่จะเปลี่ยนครม. ปรับครม. มันเริ่มกระชั้นเข้ามาแล้ว

1.กระทรวงมหาดไทย (มท.)

ว่ากันตามตรง ในกระทรวงมหาดไทยที่มีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ทำหน้าที่รัฐมนตรี ค่อนข้าง“เงียบ”อยู่พอควรทีเดียวตลอดขวบปีที่ผ่านมา ผลงานที่โดดเด่นจะเห็นได้จากการแก้เกมเพื่อแก้ปัญหา “ภัยแล้ง” ที่อยู่คู่กับความเป็นอยู่ของคนไทยและสร้างความลำบากมาช้านาน

โปรเจกค์ “ขุดดินแลกน้ำ” เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งน่าจะเป็นการนำทรัพยากรที่มีเพื่อแลกเปลี่ยนกันได้ดีที่สุด ประเด็นนี้ก็เป็นมหาดไทยที่สั่งการไปยังผู้ว่าราชการทุกจังหวัด ดำเนินการ “ขุดดินแลกน้ำ” ตามความเหมาะสมของสภาพพื้นที่และสอดคล้องกับสถานการณ์ โดยให้ปฏิบัติตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด

รวมทั้งให้ศึกษาแนวทางการดำเนินการตามนโยบายการขุดลอกแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์ที่ตื้นเขินเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยหรือ ภัยแล้งของกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย และแนวทางการบริหารจัดการวัสดุที่ได้จากการขุดลอก ของกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกอบการดำเนินการดังกล่าวด้วย

อย่างไรก็ตาม หากว่าในเรื่องการเมืองแล้ว มหาดไทยก็ยังถือเป็นหัวใจหลักของรัฐบาลในการใช้กำลังพลข้าราชการพลเรือนที่มีทั่วประเทศ ช่วยขับเคลื่อนงานตามที่รัฐบาลต้องการ และหากว่าในประเด็นนี้เพียวๆ พล.อ.อนุพงษ์ แน่นอนว่าในฐานะพี่รักของพล.อ.ประยุทธ์ ก็น่าจะสอบผ่านตามความเห็นของนายกฯ แน่นอน ส่วนคนไทยก็ให้คะแนนกันตามภาพที่เกิดขึ้นได้


2.กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)

คุมที่คุมกระทรวงนี้คือนักการเมืองชื่อดังที่คนไทยรู้จักกันดีอยู่แล้ว และยังควบตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีอีกบทบาทด้วย นั่นคืออนุทิน ชาญวีรกูล ที่เป็นรัฐมนตรีเข้าบริหารกระทรวงหมอ

1 ปีที่ผ่านมา อนุทิน พยายามจะปรับสวัสดิการให้กับกลุ่ม “ด่านหน้า” นั่นคืออาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. ที่มีทั่วประเทศกว่า 1 ล้านคน เพื่อให้ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งการเพิ่มเบี้ยเลี้ยง การให้สิทธิ์รักษาห้องพิเศษ และสิทธิอื่นๆ อีกมาก ซึ่งแน่นอนว่าย่อมถูกใจกับอสม.นับล้านทั่วประเทศ

รวมไปถึงผลงานที่ทำต่อเนื่องคือการลดการแออัดในรพ. ด้วยการผุดโครงการรับยาใกล้บ้าน เพื่อให้คนที่ไม่จำเป็นจะต้องตรวจเช็กร่างกายแต่ต้องไปรพ.เพื่อรับยาเพียงอย่างเดียว สามารถไปยังร้านยาที่ขึ้นทะเบียนกับสธ.ได้ในทันที

แต่ผลงานที่โดดเด่นเพราะสถานการณ์ทำให้ต้องสำแดงฝีมือ นั่นคือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่หมอหนู อนุทิน พร้อมกับหมอ พยาบาลไทย เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างแข็งขันในการรักษา ป้องกัน วางแผนรับมือกันอย่างเป็นระบบและเข้มข้น ส่งผลให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อน้อยที่สุดเป็นเบอร์ต้นของโลก และมันมาพร้อมกับเสียงชื่นชมจากนานาประเทศ

3.กระทรวงการคลัง

ช่วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมาอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ตั้งแต่เข้ารับหน้าที่ ตั้งเรื่องของสงครามการค้าสหรัฐ-จีน วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยวางผังโครงการที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากเพื่อนำเศรษฐกิจไทยวิกฤต ตั้งแต่เริ่มตั้งแต่การกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศผ่าน โครงการ “ชิมช้อปใช้”

ซึ่งมีจำนวนผู้ใช้สิทธิ์กว่า 11 ล้านคน กระตุ้นยอดการใช้จ่ายภายในประเทศกว่า 2.8 หมื่นล้านบาท ด้านโครงการประชารัฐสร้างไทย สร้างเครือข่ายพลิกฟื้นเศรษฐกิจฐานรากโดยสถาบันการเงินของรัฐ และการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการบริการประชาชน จัดเก็บข้อมูลเป็น Big Data ซึ่งกำลังเดินหน้า แต่มาสะดุดหลังเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ทำให้ ก.คลังต้องจัดชุดมาตรการเยียวยาประชาชน ผ่านโครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” ลงทะเบียนเงินเยียวยา 5,000 บาท 16 ล้านคนทั่วประเทศ การออกมาตรการสินเชื่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ก่อนนำไปสู่การจัดทำร่าง พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท การออกพ.ร.ก.Softloan และพ.ร.ก.ตราสารหนี้ของ ธปท. ในวงเงิน 9 แสนล้านบาท กับล่าสุด โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก 4 แสนล้านบาท ซึ่งต้องจับตาดูว่าเงิน 4 แสนล้านนี้จะสามารถช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากได้มากน้อยแค่ไหน

4.กระทรวงพาณิชย์

ผลงานเด่น ภายใต้การบริหารงานของ เจ้ากระทรวงอย่าง จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ที่เดินเกมตามโครงการเก่าในยุครัฐบาลก่อนหน้าที่ทั้ง การส่งออกสินค้าเกษตร การเจรจาการค้าระหว่างประเทส ประกันรายได้สินค้าเกษตร ก่อนจะโดนพิษโควิด19 เล่นงาน เจอมรสุมทั้งเรื่องกักตุนหน้ากากอนามัย ที่ถึงขั้นย้ายอธิบดีกรมการค้าภายในเข้ากรุ แต่ในช่วงวิกฤตก็ยังขนโครงการดีๆ ช่วยเหลือประชาชน เช่น “รถคาราวานธงฟ้าสู้ภัยโควิด” จำนวน 200 คัน ที่จะไปให้บริการสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาประหยัด ให้ประชาชนในเขตกรุงเทพและปริมณฑล

โครงการ “สมาร์ทโชวห่วย เดลิเวอรี่” ผ่าน 2 ช่องทางเว็บไซต์ และแอพพลิเคชั่น ให้บริการซื้อสินค้าในร้านโชว์ห่วย 2,655 ร้านค้า ผ่านระบบออนไลน์ พร้อมมีบริการส่งตรงถึงบ้าน โครงการ”พาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน” สร้างประวัติศาสตร์การลดราคากว่า 3,025 รายการ มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาทกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับภาคเอกชนช่วยกันลดภาระค่าของชีพให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยทั่วทั้งประเทศ

ส่งเสริมอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนท์ ร่วมกับ 6 สมาคมอุตสาหกรรมด้านดิจิทัลคอนเทนท์ โดยการประชุมใช้ระบบ Zoom ประชุมออนไลน์เสริมเข้ามา สุดท้าย กับ โครงการ ‘อยู่เป็น’ สนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุแบบครบวงจร

5.กระทรวงพลังงาน

สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เจ้ากระทรวง มุ่งหน้าปั้นโครงการ โรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก การส่งเสริมน้ำมัน B10 เป็นดีเซลเกรดพื้นฐาน ยกระดับราคาปาล์มน้ำมันให้ถึงก.ก.ละ 6 บาท ช่วยเหลือลดค่าครองชีพประชาชน ตรึงราคาก๊าซหุงต้มขนาด 15 กิโลกรัมไว้ที่ 363 บาทต่อถัง

โครงการ นำเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) มาบริหารระบบซื้อขายราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) มาผลิต B100 เพื่อให้สะท้อนราคาผลปาล์มให้เกษตรกรได้รับความเป็นธรรม

ขณะที่มาตรการเด่น เมื่อเจอวิกฤตโควิดก็มีทั้ง การคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้า ลดราคาค่าไฟ ใช้ไฟฟรี 3 เดือนในผู้ที่ใช้ไฟฟ้าจากมิเตอร์ 5 แอมป์ ไม่เกิน 90 หน่วย และส่วนลดค่าไฟฟ้า 3% ในผู้ใช้ไฟจากมิเตอร์เกิน 5 แอมป์ รวมไปถึงการลดราคาน้ำมัน

 

ข่าวที่น่าสนใจ