เมื่อครั้งประสูติกาล พระราชโอรสแห่งแผ่นดิน ในหลวงรัชกาลที่ 10
by ThaiQuote, 27 กรกฎาคม 2563
28 กรกฎาคม พุทธศักราช 2495 ราษฎรปลื้มปีติ ประสูติกาลพระราชโอรส สยามมกุฎราชกุมาร พระรัชทายาทแห่งราชบัลลังก์ มหามงคลของแผ่นดินไทย
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พระราชสมภพในปีพุทธศักราช 2495 ทรงเป็นพระราชโอรสองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
ย้อนเวลากลับ 68 ปี เมื่อวันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พุทธศักราช 2495 จิตใจทุกดวงของปวงชนชาวไทย มุ่งไปที่พระที่นั่งอัมพรสถาน ในพระราชวังดุสิต
แถลงการณ์ของสำนักพระราชวังประกาศว่า ในช่วงเช้าของวันสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงประชวรพระครรภ์ พระบรมวงศานุวงศ์ คณะรัฐบาล ข้าราชการผู้ใหญ่ กรรมการ และสักขีพยานประสูติ ได้มาประชุมพร้อมเพรียงกัน ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน ในพระราชวังดุสิต คณกรรมการแพทย์คาดการณ์ว่า จะประสูติพระเจ้าลูกยาเธอในช่วงบ่าย
เช้าวันนั้นได้เกิดเหตุการณ์ที่เป็นนิมิตหมายอันดี เมื่อต้นรวงผึ้งที่หน้าห้องบรรทมของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ทุกต้นออกดอกบานสะพรั่งพร้อมกัน และมีละอองฝนโปรยปรายลงมา แสดงถึงศุภนิมิตที่จะมีพระประสูติกาลในวันนั้น
ตามโบราณราชประเพณี การที่สมเด็จพระอัครมเหสีจะทรงมีพระประสูติกาลพระรัชทายาทแห่งราชบัลลังก์จำเป็นต้องมีราชสักขีหรือพยาน เพื่อยืนยันว่าสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเป็นพระราชกุมารหรือกุมารีจริง ๆ
สำหรับในการประสูติกาลครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 โปรดให้เป็นตามโบราณราชประเพณีทุกประการ ทรงตั้งราชสักขีประกอบด้วยพระวรวงศ์เธอกรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร ประธานองคมนตรี เป็นประธาน จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี พลเอกพระประจนปัจจนึกประธานสภาผู้แทนราษฎร พลตรีบัญญัติ เทพหัสดิน ณ อยุธยา รัฐมนตรีมหาดไทย พระยาบริรักษ์เวชการ รัฐมนตรีสาธารณสุข และหม่อมทวีวงศ์ถวัลยศักดิ์ เลขาธิการสำนักพระราชวัง
โดยหน้าที่ของราชสักขีนั้น เมื่อเริ่มประชวรพระครรภ์ ให้เข้าไปตรวจในห้อง ซึ่งจะทรงมีพระประสูติกาลเสียก่อนว่า ไม่มีกุมารหรือกุมารีใดอยู่ในห้องนั้น แล้วออกมาอยู่ ณ ห้องใกล้ เมื่อมีพระประสูติกาล แพทย์จะดูเวลาแล้วเขียนรายงาน และเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังทำเอกสารรับรู้ของผู้เป็นราชสักขีไว้เป็นหลักฐาน เอกสารหลักฐานนี้เก็บไว้ที่สำนักพะราชวัง 1 ฉบับ ที่สภาผู้แทนราษฎร 1 ฉบับ และที่กรมเลขาธิการคณะรัฐมนตรี 1 ฉบับ
นอกจากเอกสารหลักฐานรับรู้ของผู้เป็นราชสักขี เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังได้จัดเตรียมทำบัตรขนาดกว้างประมาณ 2 นิ้ว และยาวประมาณ 2 นิ้ว ครึ่งไว้สองแผ่น สีแตกต่างกัน คือสีฟ้ากับสีชมพูบัตรสีฟ้าหมายถึงประสูติเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอมีอักษรตัวพิมพ์ใหญ่ว่า "พระราชโอรส" อยู่ใต้พระมหามงกุฎ บัตรสีชมพูหมายถึงประสูติเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิง มีคำ "พระราชธิดา" บัตรนี้สำหรับเชิญมาแสดงแก่ชุมนุมพระบรมวงศานุวงศ์และราชสักขีหลังที่ทรงมีพระประสูติกาลแล้ว
พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ประทับอยู่ในบริเวณอันใกล้ชิด พระองค์สนพระราชหฤทัยยิ่งกว่าผู้ใดทั้งสิ้น ทรงเตรียมเครื่องอัดแผ่นเสียงและถ่ายรูปสำหรับการนี้ไว้อย่างพร้อม ขณะที่นายแพทย์ได้ตรวจดูพระอาการสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และเฝ้าถวายรายงานทุกระยะ
จนเวลา 17 นาฬิกา 45 นาที สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ก็ประสูติพระราชโอรส ท่ามกลางสายฝนที่โปรยตลอดเวลา แตรสังข์ดุริยางค์เริ่มประโคม ทหารบกร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ปืนใหญ่ทั้งบกและเรือยิงสลุต 21 นัด เสียงไชโยโห่ร้องสนั่นหวั่นไหว
อนึ่ง มีการบอกเล่ากันว่า ณ เวลาที่รู้ว่าเป็นพระราชโอรส ด้วยอารามดีใจ นายแพทย์ที่ถวายการประสูติกล่าวออกมาด้วยเสียงตื่นเต้นกังวานว่า “ผู้ชาย” แทนที่จะว่า “พระโอรส”
เมื่อตกแต่งพระองค์พระราชกุมารเรียบร้อยแล้ว แพทย์ได้อัญเชิญมาถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทอดพระเนตร ทรงพระราชทานน้ำพระมหาสังข์แก่พระราชโอรสตามราชประเพณี จากนั้นอีกประมาณ 1 ชั่วโมง แพทย์ได้เชิญมาให้ราชสักขีดู พระราชกุมารทรงมีพระฉวีขาวสะอาด พระอนามัยสมบูรณ์ พระนาสิกโด่ง น้ำหนักพระองค์ 6 ปอนด์ (ราว 2.7 กิโลกรัม)
ข่าวการประสูติได้แพร่ไปทั่ว ยังความปลื้มปีติให้แก่พสกนิกรชาวไทย ณ เวลานั้น ดวงใจของประชาชนพร้อมกันตั้งจิตอาธิษฐาน ขอให้ทุก ๆ พระองค์ทรงพระเจริญ ขอให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์น้อยทรงมีพระเกษมสำราญ
นับจากวันนั้นถึงวันนี้ เวลาผ่านไป 68 ปี สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์น้อยทรงเติบใหญ่ เสด็จขึ้นครองราชย์ คือ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้เป็นศูนย์รวมดวงใจของปวงชนชาวไทย พร้อมสืบสานพระราชปณิธานของพระราชบิดา ในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขแห่งพสกนิกรสืบไป
ข้อมูลจาก : หนังสือ ทศมินทรราชา มหาวชิราลงกรณ (เสด็จพระราชสมภพ เล่ม 1)
เรื่องที่น่าสนใจ